Skip to content

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เผยใจ: ขาด ปอล ป็อกบา (Paul Pogba) ทำให้ต้องปรับสไตล์การเล่น

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ดาวยิงทีมชาติ ฝรั่งเศส เปิดเผยในการแถลงข่าวล่าสุดว่า การที่ ปอล ป็อกบา (Paul Pogba) มิดฟิลด์คนสำคัญไม่ได้ร่วมทีมในขณะนี้ ส่งผลให้เขาต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ

เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) วัย 25 ปี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกัปตันทีมชาติ ฝรั่งเศส ได้สร้างชื่อเสียงจากความเร็วและความสามารถในการทะลวงแนวรับของคู่แข่ง แต่ในช่วงหลังมานี้ แฟนบอลและนักวิจารณ์สังเกตเห็นว่าเขาเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปอย่างเห็นได้ชัด

ในงานแถลงข่าว เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่เขาไม่ค่อยวิ่งทะลวงแนวรับคู่แข่งเหมือนในอดีต เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "การเลือกรูปแบบการเล่นนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของทีมในแต่ละช่วงเวลา ตอนที่เรามี ป็อกบา (Paul Pogba) อยู่ในทีม ผมสามารถวิ่งไปไหนก็ได้ เพราะรู้ว่าเขาจะส่งบอลมาถึงผมได้เสมอ แต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป"

ป็อกบา (Paul Pogba) และ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เคยร่วมกันพาทีมชาติ ฝรั่งเศส คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 มาครองได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจกันเป็นอย่างดีในสนาม อย่างไรก็ตาม ป็อกบา (Paul Pogba) กำลังเผชิญกับปัญหานอกสนาม โดยถูกกล่าวหาว่าใช้สารต้องห้าม ส่งผลให้เขาถูกพักการแข่งขันชั่วคราวและไม่สามารถร่วมทีมชาติได้ในขณะนี้

การขาดหายไปของ ป็อกบา (Paul Pogba) ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทีมชาติ ฝรั่งเศส โดยรวมอีกด้วย ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ (Didier Deschamps) กุนซือทีมชาติ ฝรั่งเศส จำเป็นต้องปรับแผนการเล่นใหม่เพื่อทดแทนการขาดหายไปของมิดฟิลด์ตัวเก่งรายนี้

เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) กล่าวเพิ่มเติมว่า "การปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญในฟุตบอล เราไม่สามารถยึดติดกับรูปแบบการเล่นเดิมๆ ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อองค์ประกอบของทีมเปลี่ยนไป ผมต้องคิดมากขึ้นเกี่ยวกับจังหวะการวิ่ง และต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมให้มากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู"

นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีม "แม้ว่าผมจะเป็นกองหน้า แต่ผมก็ต้องช่วยทีมในด้านอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกดดันคู่แข่งหรือการช่วยเพื่อนร่วมทีมสร้างพื้นที่ว่าง การปรับบทบาทของผมไม่ได้หมายความว่าผมจะทำประตูได้น้อยลง แต่เป็นการพัฒนาเกมการเล่นของผมให้รอบด้านมากขึ้น"

อย่างไรก็ตาม เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะในช่วงที่ทีมกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2024 ที่จะมีขึ้นในประเทศ เยอรมนี ความสามารถในการปรับตัวของเขาจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จและหากแฟนบอลอยากจะเลือกเดิมพันสามารถ สมัคร sbobet กับทางเราได้เลย

แม้ว่าการขาดหายไปของ ป็อกบา (Paul Pogba) จะส่งผลกระทบต่อทีม แต่มันก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ได้แสดงศักยภาพ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) กล่าวทิ้งท้ายว่า "เรามีผู้เล่นที่มีคุณภาพมากมายในทีม ทุกคนพร้อมที่จะก้าวขึ้นมารับบทบาทสำคัญ ผมเชื่อว่าเราจะสามารถปรับตัวและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะไม่มี ป็อกบา (Paul Pogba) ร่วมทีม"

การเปิดเผยของ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความสามารถในการปรับตัวของเขา ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของนักฟุตบอลระดับโลก การพัฒนาและปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของเขาจะเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดในการแข่งขันที่จะมาถึง และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครอยากเดิมพันเลือก สมัคร sbobet กับทางเราได้เลย

ทีมชาติอังกฤษเตรียมพบกับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูโร 2024 หลังจากเอาชนะสโลวาเกียในช่วงต่อเวลาพิเศษในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะลงสนามที่เมืองดุสเซลดอร์ฟในวันเสาร์ เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หากผ่านเข้ารอบต่อไปได้ "สิงโตคำราม" จะเจอกับหนึ่งในทีมระหว่างโรมาเนีย เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย หรือตุรกีในรอบรองชนะเลิศ

โปรแกรมการแข่งขันของอังกฤษในยูโร 2024

คู่แข่งต่อไปของอังกฤษ
ทีมชาติอังกฤษมีคิวพบกับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ในวันเสาร์ที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ เริ่มแข่งเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทีมของกาเร็ธ เซาธ์เกตเอาชนะสโลวาเกียในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างระทึกใจด้วยสกอร์ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดย จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ทำประตูตีเสมอด้วยลูกจักรยานอากาศในนาทีที่ 95 ก่อนที่ แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) จะโหม่งประตูชัยเพียง 50 วินาทีหลังเริ่มต้นช่วงต่อเวลาพิเศษ "สิงโตคำราม" จะเจอกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะอิตาลี แชมป์เก่า ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 2-0 ที่กรุงเบอร์ลิน อังกฤษซึ่งคว้าแชมป์กลุ่ม C ถูกมองว่าอยู่ในสายที่ได้เปรียบกว่า เมื่อเทียบกับอีกสายหนึ่งที่มีทีมยักษ์ใหญ่อย่างสเปน เยอรมนี โปรตุเกส ฝรั่งเศส และเบลเยียม

โอกาสในรอบรองชนะเลิศ

หากอังกฤษสามารถเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ พวกเขาจะได้ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศที่เมืองดอร์ทมุนด์ ในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม เริ่มแข่งเวลา 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย คู่แข่งที่เป็นไปได้ในรอบรองชนะเลิศของ "สิงโตคำราม" ได้แก่ โรมาเนีย เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และตุรกี

การเดินทางสู่แชมป์ ยูโร 2024

ทีมชาติอังกฤษเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์อย่างแข็งแกร่งด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม C ก่อนจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายและเอาชนะสโลวาเกียได้อย่างหวุดหวิด การเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของทีมภายใต้การคุมทีมของกาเร็ธ เซาธ์เกต อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะเป็นบททดสอบที่สำคัญ เนื่องจากทีม "นาฬิกาข้อมือ" เพิ่งสร้างผลงานน่าประทับใจด้วยการเอาชนะแชมป์เก่าอย่างอิตาลีมาได้ หากอังกฤษสามารถผ่านด่านสวิตเซอร์แลนด์ไปได้ พวกเขาจะต้องเจอกับหนึ่งในสี่ทีมที่แข็งแกร่งในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นทีมที่มีศักยภาพในการสร้างปัญหาให้กับ "สิงโตคำราม" ได้ทั้งสิ้น แฟนบอลชาวอังกฤษต่างหวังว่าทีมของพวกเขาจะสามารถเดินหน้าคว้าแชมป์ยูโรได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากที่พลาดท่าในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา การเข้าถึงรอบลึกๆ ของทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมชาติอังกฤษ ด้วยผู้เล่นระดับแนวหน้าอย่าง แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) จู๊ด เบลลิงแฮม ((Jude Bellingham)) และดาวรุ่งอีกมากมาย อังกฤษถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ ยูโร 2024 อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องแสดงฟอร์มที่ดีที่สุดในทุกนัดที่เหลือ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการคว้าถ้วยรางวัลกลับบ้าน

แฟนบอลทั่วประเทศอังกฤษต่างรอคอยที่จะเห็นทีมของพวกเขาลงสนามในวันเสาร์นี้ ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะและก้าวเข้าใกล้ความฝันในการคว้าแชมป์ยุโรปมากยิ่งขึ้น การแข่งขันนี้จะเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ สมัคร sbobet โดยตรง เพื่อร่วมสนุกและติดตามการแข่งขันอย่างใกล้ชิด สมัคร sbobet โดยตรง สามารถทำให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวและข่าวสารจากสนามแข่ง อย่าลืม สมัคร sbobet โดยตรง เพื่อเพิ่มประสบการณ์การเชียร์ทีมชาติอังกฤษของคุณให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

ข่าวด่วน! อันเดรีย เบล็อตติ (Andrea Belotti) ตัดสินใจอำลา โรม่า เพื่อเริ่มต้นบทใหม่กับ โคโม่ (Como) ทีมน้องใหม่แห่งศึก เซเรียอา ในฤดูกาลหน้า การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเส้นทางอาชีพของกองหน้าทีมชาติอิตาลีวัย 30 ปีรายนี้

เบล็อตติ (Andrea Belotti) ซึ่งเพิ่งถูก โรม่า (AS Roma) ปล่อยให้ ฟิออเรนติน่า (ACF Fiorentina) ยืมตัวไปใช้งานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม โคโม่ (Como) อย่างถาวรด้วยค่าตัว 4.5 ล้านยูโร หรือประมาณ 180 ล้านบาท ตามรายงานจากสื่อในประเทศอิตาลี การย้ายทีมครั้งนี้จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเปิดตลาดซื้อขายนักเตะภาคฤดูร้อน

ตามรายงานเพิ่มเติม เบล็อตติ (Andrea Belotti) ได้ตกลงเซ็นสัญญากับ โคโม่ (Como) เป็นระยะเวลา 2 ปี นับเป็นก้าวสำคัญของทั้งตัวนักเตะและสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ โคโม่ (Como) ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน เซเรียอา และต้องการประสบการณ์จากนักเตะระดับสูงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม

เบล็อตติ (Andrea Belotti) ซึ่งมีประสบการณ์ติดทีมชาติอิตาลีมาแล้ว 44 นัด และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์ยูโร 2020 ได้แสดงความเห็นถึงการย้ายทีมครั้งนี้ว่า "ผมเลือก โคโม่ (Como) เพราะผมประทับใจโปรเจกต์ที่ทะเยอทะยานของโค้ช และเจ้าของที่นำเสนอกับผม" คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของ โคโม่ (Como)ที่ต้องการสร้างทีมให้แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จใน เซเรียอา

เชส ฟราเบกาส อดีตกองกลางทีมชาติสเปนที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าโค้ชของ โคโม่ (Como) ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับ เบล็อตติ (Andrea Belotti) ว่า "ประสบการณ์ของเขาใน เซเรียอา เป็นสิ่งที่สำคัญ และเรารู้ว่าเขามีความสามารถที่จะยิงประตูได้" คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังที่ โคโม่ มีต่อ เบล็อตติ (Andrea Belotti) ในการช่วยยกระดับทีมด้วยประสบการณ์และความสามารถในการทำประตู

การย้ายทีมของ เบล็อตติ (Andrea Belotti) ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับตัวนักเตะเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ โคโม่ (Como) ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในลีกสูงสุดของอิตาลี การเซ็นสัญญากับนักเตะที่มีประสบการณ์สูงอย่าง เบล็อตติ (Andrea Belotti) แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของสโมสรในการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการแข่งขันกับทีมชั้นนำของลีก

สำหรับ โรม่า (AS Roma) การปล่อยตัว เบล็อตติ (Andrea Belotti) อาจเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนทีมและเปิดโอกาสให้กับนักเตะรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิออเรนติน่า (ACF Fiorentina) ที่เพิ่งยืมตัว เบล็อตติ (Andrea Belotti) มาใช้งาน อาจต้องมองหาตัวเลือกใหม่ในตำแหน่งกองหน้าสำหรับฤดูกาลหน้า

การย้ายทีมครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอลอิตาลี ที่ทีมน้องใหม่อย่าง โคโม่ (Como) สามารถดึงดูดนักเตะระดับทีมชาติได้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและการลงทุนในทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้น ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันที่น่าสนใจมากขึ้นใน เซเรียอา ฤดูกาลหน้า

แฟนบอลทั่วอิตาลีและทั่วโลกเลือกที่จะ แทง บอล ออนไลน์ และต่างจับตามองการย้ายทีมครั้งนี้ด้วยความสนใจ โดยหวังว่าจะได้เห็น เบล็อตติ (Andrea Belotti) กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้งในสีเสื้อของ โคโม่ (Como) และช่วยให้ทีมน้องใหม่สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจใน เซเรียอา ได้ ในขณะเดียวกัน การแข่งขันในลีกอิตาลีฤดูกาลหน้าก็น่าจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น เมื่อทีมต่างๆ ต่างเสริมทัพเพื่อชิงชัยในลีกที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของอันเดรีย เบล็อตติ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครอยากเดิมพันเลือก แทง บอล ออนไลน์ กับเราได้เลยครับ

ก่อนจะโบกมือลาศึกยูโรป้า ลีค แล้วไปลุยกันต่อในพรีเมียร์ลีคสุดสัปดาห์นี้ เราขอย้อนผลงานทีมจากพรีเมียร์ลีคก่อนว่า มีทีมไหนทำผลงานได้อย่างไรในเกมยูโรป้าลีคบ้าง ต้องบอกว่า ผลการแข่งขันอันน่าเหลือเชื่อของหลายทีมได้ส่งให้พวกเค้าเข้ารอบน็อคเอาท์ไปรอได้เลย

บราก้า กับ เลสเตอร์ ซิตี้

จิ้งจอกสยาม ลงสนามในเกมนี้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างมาก หากพวกเค้าเอาชนะ หรือเก็บแต้มได้ เท่ากับว่าพวกเค้าจะเข้ารอบต่อไปได้เลย นั่นทำให้เกมนี้ต้องเน้นหน่อย แต่ทางบราก้า ก็ไม่ได้ทำให้เกมนี้มันง่ายแบบนั้นพวกเค้าออกนำเลสเตอร์ ถึง 3 ครั้งด้วยทั้ง เลสเตอร์ ก็สวมวิญญาณตายยาก ด้วยการไล่ตามตีเสมอถึง 3 ครั้งโดยเฉพาะ ช่วงสุดท้ายที่ บราก้ามานำตอนนาทีที่ 90 แล้ว เลสเตอร์ โดย วาร์ดี้ มาตีเสมอในนาทีที่ 90+5 จากจังหวะโต้กลับ พาทีมเก็บ 1 แต้มทองพาทีมเข้ารอบไป

โมลด์ กับ อาร์เซนอล

ปืนใหญ่อาร์เซนอล อาจจะฟอร์มไม่ดีในลีค แต่ว่าเกมยูโรป้าลีค บอกเลยว่า ไว้ใจได้เสมอ เกมนี้เจอกับ โมลด์ คู่แข่งที่น่าจะสูสีมากที่สุดแล้วในกลุ่มนี้ แต่ว่าพอลงสนามจริง คุณภาพ แตกต่างกันมากไม่ได้ใกล้เคียงเลย นักเตะอาร์เซนอล เล่นกันแบบไม่ประมาท ชนะไปแบบไม่ยากอะไร 3-0 เกมนี้ นิโคลัส เปเป้ กลับมาคืนฟอร์มเล่นได้ดีมากบวกกับทำได้ 1 ประตู น่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากเพื่อนได้พอสมควร

สเปอร์ส กับ ลูโดโกเรตส์

อีกเกมที่บอกเลยว่า ห่างชั้นกันเกินไปหน่อย สเปอร์ส ที่เปิดบ้านรับ ลูโดโกเรตส์ เกมนี้ สเปอร์ส โรเตชั่นนักเตะสำรองลงมาผสมเยอะ ทำให้แฟนบอลอาจจะคิดว่างานนี้อาจโดนเหมือนเกม อันทเวิร์ป แต่ไม่เลย ทีมสำรองชุดนี้มีคุณภาพและการปิดเกมได้ตามแท็คติคมูรินโญ่เลย คาร์ลอส วินิซิอุส เด่นมากกับ ยิง 2 จ่าย 1 เดเล่ อัลลี ก็ได้ลงด้วยทำ 1 แอสซิสต์ ฟอร์มกำลังมาเลยทีเดียว อีกอย่างลูกยิงของ แฮร์รี่ วิงส์ ยิงไก่ 65 หลา อย่างสวยติดทำเนียบประตูสวยประจำซีซั่นนี้ได้เลย  

ตัวแทนจากพรีเมียร์ลีค ใครจะมากู้วิกฤติที่บาร์ซ่า

แม้ว่าเกมเมื่อคืน บาร์ซา จะเอาชนะเกมยากอย่างเซบีญ่า มาได้ เก็บเพิ่มอีก 3 คะแนน จนสะสมเป็น 53 คะแนน ตามจี้จ่าฝูงอย่าง แอต.

มาดริด อยู่ เพียงแค่ 2 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 2 เกม ถือว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ว่าก็มีข่าวออกมาว่า บอร์ดบาร์ซา ไม่ค่อยพอใจผลงานของ คูมัน เทรนเนอร์สักเท่าไรมีข่าวออกมาว่า พวกเค้าจะดึงกุนซือจากพรีเมียร์ลีคไปทำงานแทนที่ เรามาดูกันว่าใครพอจะเป็นไปได้บ้าง ไม่นับ เป๊ป ที่เป็นไปได้มากสุดอยู่แล้ว

เจอร์เก็น คล็อปป์

คนแรกที่เรามองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงเลย เจอร์เก็น คล็อปป์ กำลังประสบปัญหาเหมือนครั้งปีสุดท้ายตอนคุมดอร์ทมุนด์ที่ผลงานของทีมตกลงไปอย่างมาก แม้ว่าจะแก้เก้อด้วยเหตุผลเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บได้ แต่เอาจริงก็มาอ้างทั้งหมดไม่ได้ เค้าต้องรับผิดชอบผลงานนั้นด้วย ซึ่งคล็อปป์เองหากต้องลาทีมไปเชื่อว่าคงไม่มีใครโกรธเค้าเพราะว่าเค้าทำให้ความฝันของเดอะ ค็อปทั่วโลกเป็นจริงแล้วกับแชมป์พรีเมียร์ลีค หากเจ้าตัวอยากจะท้าทายตัวเองด้วยการไปคุมบาร์ซาก็น่าสนใจ

เบรแดน ร็อดเจอร์ส

อีกคนที่เรามองว่าส่วนตัวเหมาะกับบาร์ซามากก็คือ เบรแดน ร็อดเจอร์ส เค้ายกระดับจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาเป็นทีมหัวตารางของลีคอีกครั้ง ถือว่าเป็นผลงานที่สุดยอดมากทีเดียว บวกกับการปั้นนักเตะหลายคนให้กลายเป็นซุปตาร์ลูกหนัง ไม่ว่าจะเป็น เจมส แมดดิสัน, ฮาร์วีย์ บาร์น ,โซยุนคู น่าจะเหมาะกับบาร์ซาตอนนี้ที่กำลังสร้างทีมสายเลือดใหม่นั่นเอง

มาร์เซโล่ บิเอลซ่า

บาร์ซาเป็นทีมที่เล่นบอลสนุก บอลเร้าใจ หากจะหาใครสักคนที่ทำทีมฟุตบอลแบบถอยไม่ได้ รุกเดินหน้าอย่างเดียว ก็คือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่านี่แหละ บวกกับประสบการณ์ บารมี ที่น่าจะเอานักเตะอยู่ ไหนจะผลักดันดาวรุ่งให้เกิดบนโลกลูกหนังอย่างมากมาย หากเป็นเค้าย้ายไปคุมทีมก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ ว่าแต่ลีดส์ จะยอมไหมล่ะ

นักเตะหน้าคุ้น ชื่อคุ้น ของทีมอิสตันบูล

หากมองให้ดี การที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบไปเล่นยูโรป้าลีค ทั้งที่ชนะมารวดสองเกมแรก มีโอกาสในมือแท้ๆ แต่ทำไม่ได้ เชื่อว่าเกมที่พวกเค้าแพ้อิสตันบูล ในเกมนัดแข่งที่สาม น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญเลยหากพวกเค้าเก็บเกมนั้นได้ ทุกอย่างมันคงจบตั้งแต่เกมนัดที่ 4 ที่พวกเค้าเอาชนะไปได้อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้ว่า อิสตันบูลหลายคนอาจจะมองว่าเป็นไม้ประดับของกลุ่ม แต่ถ้าดูรายชื่อนักเตะ คนดูบอลพรีเมียร์ลีค อาจจะนึกไม่ถึงว่าเค้าเหล่านี้อยู่ทีมนี้ด้วยมีใครบ้าง

ราฟาเอล ดา ซิลวา

คนแรกที่ถือว่ามีความคุ้นเคยกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างดีเลยก็คือ ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็คที่เคยมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีคกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย เค้าคนนี้เคยสร้างชื่อจากตำนานแบ็คฝาแฝดชาวบราซิลเลี่ยนคู่กับอีกคนชื่อว่า ฟาบิโอ แล้วคนนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ค่อยเจ็บเท่าไร ทำให้ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่พร้อมจะมาแย่งตำแหน่งรุ่นพี่ในเวลานั้น

เดมบา บา

คนที่สอง เราเชื่อว่าแฟนเชลซี และ แฟนลิเวอร์พูล ไม่มีวันลืมเค้าอย่างแน่นอน ในยุคที่ลิเวอร์พูลขับเคลื่อนเกมโดยชายที่ชื่อว่า สตีเว่น เจอร์ราด พวกเค้าเคยเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีคมากที่สุด แต่ว่าคนที่ทำพลาดหลุดมือไปก็คือสตีเว่น เจอร์ราดเอง โดยพวกเค้าไปแพ้ฟุตบอลแบบมูรินโญ่สไตล์ที่บ้านของเชลซี โดยคนที่ทำให้ความหวังมันดับลงไปก็คือ เดมบา บานี่แหละ แต่หลังจากนั้นศูนย์หน้าคนนี้แฟนบอลอาจจะไม่ได้จดจำอะไรเท่าไร

มาร์ติน สเคอร์เทล

อีกหนึ่งคนที่แฟนบอลลิเวอร์พูล น่าจะจำได้ มาร์ติน สเคอร์เทล เคยเล่นให้กับลิเวอร์พูลช่วงปี 2008-2016 ตำแหน่งกองหลังของทีม ในเวลานั้นต้องบอกว่า เค้านี่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ที่คอยรับหน้าแทนน้องด้วยความแข็งแกร่ง แข็งกร้าวตามสไตล์ขาใหญ่ของทีมเลย เชื่อว่าแฟนบอลน่าจะจำเค้าได้ทั้งสามคน

ทำไม ลิเวอร์พูลต้องเผื่อใจเอาไว้กับเกมที่เจอกับ เชฟฟิลด์

เกมพรีเมียร์ลีคนัดวันอาทิตย์ที่จะลงเตะกัน เชื่อว่าหลายคนคงมองไปที่สองคู่ใหญ่ เลสเตอร์ เตะกับอาร์เซนอล และ คู่ของเชลซี เจอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้คู่ของแชมป์เก่าลิเวอร์พูล เจอกับ เชฟฟิลด์ บ๊วยของตาราง หลายคนมองผ่านไปแบบคิดว่ายังไงก็ชนะอยู่แล้ว เดอะค็อปเองก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าความจริงแล้วสภาพของทีมและองค์ประกอบหลายอย่าง เราอยากจะบอกว่า เดอะค็อปเองก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างด้วยเหมือนกัน

อลิสซอน อาจจะไม่พร้อม

ก่อนการลงสนามในเกมนี้ มีข่าวไม่ดีเลยสำหรับลิเวอร์พูล อลิสซอน แบร์เกอร์ ผู้รักษาประตูสูญเสียคุณพ่อไปอย่างกระทันหัน เจ้าตัวไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ด้วย นั่นทำให้สภาพจิตใจของเค้าเราไม่รู้ว่าพร้อมแค่ไหน อาจจะทำให้คล็อปป์ไม่เสี่ยงเอาเจ้าตัวลงสนามด้วยซ้ำไป นั่นทำให้อาจจะต้องไปลุ้นกับมือสองแทน ซึ่งผู้รักษาประตูมือสอง เราก็รู้อยู่นะว่ามีคุณภาพแค่ไหนในเกมนี้

ขาดนักเตะหลายคน

หากขาดอลิสซอนไปว่าน่ากลัว เรามาดูกันก่อนที่รายชื่อนักเตะบาดเจ็บที่ยาวเป็นหางว่าวอีก บวกกับ เฮนเดอร์สัน ที่ไม่ได้ลง ฟาบินโญ่ ก็ยังต้องลุ้น เลยต้องมาดูกันว่า ตัวจริงที่เหลืออยู่ จะดีพอเล่นชนะเชฟฟิลด์ได้หรือไม่ บอกเลยว่า ไลน์อัพที่เหลืออยู่ คงดีที่สุดเท่าที่มีแล้วในตอนนี้ ข่าวดีที่ยังพอเห็นได้ก็คือ โชต้า กลับมาซ้อมได้แล้ว มีลุ้นอาจจะลงสนามในฐานะตัวสำรองของเกมนี้

เชฟฟิลด์ เล่นแบบไร้ความกดดัน

สิ่งที่ เดอะ ค็อป ต้องกังวลมากที่สุดในเกมนี้ก็คือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นี่แหละ เพราะว่าตอนนี้ว่ากันตามตรง 11 คะแนนของพวกเค้าคงไม่มีปาฏิหารย์ใดๆในการพลิกกลับมาอยู่รอดในพรีเมียร์ลีคซีซั่นหน้าได้แล้ว ทีนี้พอนักเตะเล่นแบบไร้ความกดดัน พวกเค้าอาจจะเฉื่อยไปเลยเล่นให้ครบโปรแกรมอย่างนั้นเอง แต่อีกมุมหนึ่งนักเตะอาจจะฮึกเหิมขอล้มแชมป์เก่าให้ได้สักที ก่อนจะไม่ได้เจอกันอีกนานก็เป็นได้ หากเป็นแบบหลัง ลิเวอร์พูลเหนื่อยเลย

การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของลิเวอร์พูล

เกมลีคนัดที่ 5 จบลงไปของพรีเมียร์ลีค ต้องบอกเลยว่ากระแสข่าวทั้งหมดโดนกลบไปจากอาการบาดเจ็บของกองหลังตัวเก่งอย่าง เวอร์กิล ฟานไดค์ ที่บาดเจ็บอาการเอ็นไขว้หน้าขาด ต้องบอกเลยว่ากว่าจะกลับมาได้ก็ซีซั่นหน้าโน่นเลย จำไม่ผิดซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องลงทำศึกโดยไม่มีเค้าอีกแล้ว ทำให้ข่าวทุกกระแสต้องหันกลับมาดูกันว่า ลิเวอร์พูล จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดี

ฟาบินโญ่ ลงมาหลัง

การเสียเซนเตอร์แบ็ค ตัวหลักประจำทีมไป ย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ทางเลือกในการจัดทัพใหม่คงเป็นสิ่งที่คล็อปป์มองเอาไว้ ตัวเลือกที่จะเอามาแทน ฟานไดค์ น่าจะเป็น การถอย ฟาบินโญ่ ลงมาเล่นหลังแทน แล้วดัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาเล่นตำแหน่งของฟาบินโญ่ จากนั้น ก็ส่ง ธิอาโก้ ประสานงานกับพวกตัวรุกอย่างเต็มที่ไปเลย

เล่นตัวรับสองตัว

อีกหนึ่งวิธีการที่ คล็อปป์ อาจจะนำมาใช้ เป็นการปรับทัพใหม่ด้วยการยกมิดฟิลด์ตัวรับมาเป็นสองตัวแทน เพื่อให้การสกรีนบอลถึงกองหลังได้ยากขึ้น อาจจะเป็น เฮนเดอร์สัน ยืนคู่กับใครสักคน แล้วส่ง ธิอาโก้ ไปเล่นหน้ารุก แบบเต็มตัวแทน วิธีนี้จะช่วยให้เสียประตูยาก แต่การบุกก็จะต้องลดประสิทธิภาพตามไปด้วย

เน้นเกมบุกปิดเกมรับ

อีกหนึ่งวิธีการแก้ไขปัญหา อาจจะต้องมองไปที่วิธีการของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นที่แล้ว พวกเค้าเสีย เอเมอริค ลาปอร์ต เซนเตอร์แบ็คตัวเก่งไปเกือบทั้งซีซั่น วิธีการแก้ไข พวกเค้าเลือกใช้วิธีการครองบอลให้เยอะ และทำเกมบุกแบบคมกริบเพื่อยิงประตูให้ได้มากที่สุด ให้เกมมันขาดก่อนที่อีกฝ่ายจะยิงประตูได้ วิธีนี้ลิเวอร์พูลเองก็ทำได้เหมือนกัน อย่าลืมว่า ธิอาโก้ + สามเทพแดนหน้า ก็น่ากลัวอยู่นะ แต่วิธีนี้มันมีข้อเสียตรงที่จะต้องมีคนซัพพอร์ตสนับสนุนเยอะหน่อย ถ้าปล่อยให้สี่คนที่ว่ายิงอย่างเดียวน่าจะไม่พอ แต่ถ้ามีคนซัพพอร์ตน้อยจะยาก บวกกับมันทำให้อีกฝ่ายอ่านขาดด้วยว่าจะมาบุกแหลก หากเจอรับแน่นแล้วสวนกลับอาจจะหงายได้

เช็คฟอร์มเด็กผี ในยูโร 2020

เด็กผีหรือนักเตะจากค่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของทัวร์นาเมนต์ที่ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลระดับทวีปจะมีส่วนร่วมด้วยเสมอ มากน้อยแตกต่างกันไปตามวัฎจักรและฟอร์มของนักเตะในเวลานั้น ทีนี้ในศึกยูโร 2020 ที่เพิ่งจะจบไป เรามาย้อนรอยดูฟอร์มกันหน่อยว่า เด็กผีที่ติดทีมชาติไปมีใครฟอร์มเป็นอย่างไรกันบ้าง

โปรตุเกส

บรูโน่ แฟร์นันเดส ถือว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา แต่ว่ากับชุดทีมชาติเค้าเองยังมีเครื่องหมายคำถามเหมือนกันว่า ดีจริงหรือไม่ บางเกมนี่ต้องบอกว่าเงียบเลยทีเดียว ยูโรหนนี้ เจ้าตัวติดทีมชาติโปรตุเกสตามคาด พร้อมกับสตาร์ดังมากมาย สถิติเล่นไปทั้งหมด สี่เกม เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้เลยทั้งยิง และแอสซิสต์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่ต้องใช้คำว่า ผิดหวัง ได้เลยหากมองในเรื่องของฟอร์มการเล่น

สเปน

กระทิงดุ สเปน ก็มีนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย เพียงแค่คนเดียว เค้าก็คือผู้รักษาประตูของทีมอย่าง ดาบิด เดเคอา ที่ตอนแรกว่ากันจากใจ เราคิดว่าเจ้าตัวน่าจะได้เป็นมือหนึ่งในการลงสนามคราวนี้ แต่กลับผิดคาด เจ้าตัวไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมด้วย เสียตำแหน่งมือหนึ่งให้กับ อูไน ซิมม่อน ไปแทน สถานการณ์แบบนี้ถือว่าน่าเห็นใจเหมือนกัน ที่ต้องตกเป็นรองทั้งในสโมสรและทีมชาติ หากเจ้าตัวยังหวังจะไปแก้ตัวในฟุตบอลโลก คงต้องกลับมาเค้นฟอร์มใหม่ในทีมก่อนเพื่อหวังกลับมาชิงถุงมือเบอร์หนึ่งทีมชาติอีกครั้ง

สวีเดน

วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ หลายคนอาจจะมองข้ามความสามารถของเค้า แต่ว่าในทีมชาติเค้าคือเซนเตอร์แบ็คตัวจริงเบอร์หนึ่งของทีมแบบไม่ต้องสงสัยเลย ทัวร์นี้เค้าลงเล่นสี่เกม ครบหมด สถิติเคลียร์บอลสำเร็จ สิบห้าครั้ง บล็อคไปสี่ครั้งแถมมีเกมที่เค้าได้รับผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนั้นด้วย ใครที่มองว่าเค้าไม่ดีพออาจจะต้องคิดใหม่แล้วเหมือนกัน

เวลส์

มังกรแดงเวลส์ มีนักเตะของ แมนยูติดทีมไปด้วยสองคน แดนเนียล เจมส์ เป็นคนแรกที่ติดไป แม้จะดูอายุเป็นตัวดาวรุ่ง แต่กลับได้ลงทุกเกม ผลงานพอใช้ได้วิ่งเร็วจริง แต่ไม่เกิดอันตรายอะไรเลย อีกคน ดีแลน เลวิตต์ คนนี้ ดาวรุ่งไปหาประสบการณ์ของจริง ลงเล่นไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นแถมเป็นช่วงท้ายอีก อาจจะไม่ได้วัดอะไรมาก เป็นเพียงแค่การสร้างประสบการณ์เท่านั้น

เหตุผลที่ทำให้ รามอส เหมาะกับแมนยู

ตอนที่เขียนบทความนี้อยู่ ยอมรับเลยว่า เสียดายไม่น้อยที่ อูปาแมร์การ์โน่ สุดท้ายเลือกเส้นทางนักเตะไปที่บาเยิร์น มิวนิค แต่ว่าจะมาร่วมทีมตอนซัมเมอร์ ก็ต้องดูว่าต่อจากนี้ นักเตะจะได้ลงสนามมากน้อยแค่ไหน อีกหนึ่งกองหลังเซนเตอร์แบ็คที่เนื้อหอมมากก็คือ เซร์คิโอ รามอส กองหลังทีมชาติสเปน ที่ไม่ต่อสัญญาแน่นอน หลายทีมอยากได้เค้ามาร่วมทีมด้วย วันนี้เรามองในมุมของแมนยูกันก่อนว่า เหตุผลที่รามอส เหมาะกับแมนยูมีอะไรบ้าง

ความเก๋า และประสบการณ์

ต้องยอมรับว่า บางเกมแมนยูคุมเกมไว้ได้หมด กำลังจะเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว แต่ว่าสุดท้ายมันก็เปลี่ยนเป็นเสมอ หรือ แพ้ จากความผิดพลาดส่วนบุคคลที่เล่นกันไม่ละเอียดไปเอง การเข้ามาของรามอสจะช่วยเติมเต็มความเก๋า และประสบการณ์การเล่นมากขึ้น ในเกมใหญ่ที่กดดัน หรือ สถานการณ์ที่กดดัน บอกเลยว่า รามอส จะช่วยให้น้องๆกองหลัง ใจนิ่ง ไม่ล่กพอจนผ่านมาได้แน่นอน เค้าจะกลายเป็นผู้นำในแนวรับ เหมือนที่ ธิอาโก้ ซิลวา ทำกับเชลซีแน่นอน

คู่ขา แมกไกรว์

ตอนนี้ แฮร์รี่ แมกไกร์ว กัปตันทีมแม้จะซื้อมาแพงแต่ว่าเจ้าตัวถูกส่งลงสนามแทบจะทุกเกมทุกนาทีเลย เรียกว่าใช้งานคุ้มค่าก็คงจะไม่ผิด ปัญหาอยู่ที่คู่ขาของเค้าอย่าง ลินเดอเลิฟ กับ ไบญี่ ยังไม่ใช่คำตอบเท่าไร ลินเดอเลิฟเล่นดีแต่ไม่นิ่งพอพร้อมจะผิดพลาดได้ตลอด ส่วน ไบญี่ เองก็พร้อมเจ็บเล่นบ้างไม่ได้เล่นบ้าง ซึ่งหากเปลี่ยนคู่ขาเป็นรามอส ชายคนนี้แทบจะไม่เจ็บเลย แถมกล้าเลี้ยง กล้าชน กล้าสู้กับกองหน้าแบบไม่กลัวใครเลย น่าจะยืนระยะได้ดีและเป็นคู่ขาที่ดีของแมกไกร์วได้ดีกว่า

กองหลังทำประตู

หากมองว่าการสร้างกองหลังให้แน่นเป็นจุดเด่น ตามรอย ฟานไดค์ โมเดล แมนยูยิ่งต้องเซ็น รามอสเข้ามาเพราะว่า รามอสเป็นกองหลังที่มักจะสอดขึ้นมาทำประตูได้ดี ซึ่งนั่นจะกลายเป็นออฟชั่นเสริมในเกมรุกที่ทำให้ แมนยู น่ากลัวขึ้นเยอะเลย ว่าแต่บอกว่าดีขนาดนี้ เค้าจะมาไหม