Skip to content

เมมฟิส เดอปาย ภูมิใจที่ทำประตูทาบสถิติของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ นับเป็นความสำเร็จสำคัญในอาชีพฟุตบอลระดับนานาชาติของเขา

ชัยชนะของเมมฟิส เดอปายในแง่ทำประตูเทียบเท่าสถิติของแวน เพอร์ซี่

 

ในความสำเร็จที่น่าประทับใจ เมมฟิส เดอปาย ได้ทำประตูเทียบเท่ากับสถิติการทำประตูของโรบิน แวน เพอร์ซี่ สำหรับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ช่วงเวลาสำคัญนี้หมายถึงช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นในอาชีพที่ยิ่งใหญ่ของเขา ในขณะที่เขายังคงจารึกชื่อของเขาในประวัติศาสตร์ฟุตบอลดัตช์

 

ประตูประวัติศาสตร์

 

ระหว่างการแข่งขันระดับนานาชาติเมื่อไม่นานมานี้ ทักษะและความมุ่งมั่นของเดอปายได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่เมื่อเขาทำประตูสำคัญที่ทำให้เขาอยู่เคียงข้างแวน เพอร์ซี่ในสมุดบันทึกสถิติของประเทศ การแสดงที่สม่ำเสมอของเขาสำหรับทีมชาติ เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของเขาต่อสมรรถภาพในการโจมตีของฟุตบอลดัตช์

 

การเดินทางของเดอปายสู่สถิติ

 

ตั้งแต่เปิดตัวในทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ เดอปายได้เป็นผู้เล่นสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องความเร็ว เทคนิค และความสามารถในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาเผชิญกับความท้าทาย แต่ความมุ่งมั่นของเขาชัดเจนเมื่อเขาปีนขึ้นมาเป็นหนึ่งในดาวยิงสูงสุดของประเทศ

 

ความสำคัญของความสำเร็จนี้

 

การทำประตูเทียบเท่าสถิติของแวน เพอร์ซี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะส่วนตัวของเดอปาย แต่ยังเป็นการแสดงถึงการมีส่วนร่วมของเขาต่อทีมชาติ ความสำเร็จนี้เพิ่มชื่อเสียงให้เขาในฐานะบุคคลสำคัญในฟุตบอลดัตช์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นใหม่

 

ผลกระทบต่อทีมชาติ

 

การมีตัวตนของเดอปายในทีมเพิ่มประสบการณ์และความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในขณะที่เนเธอร์แลนด์มุ่งหวังความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ ความสามารถของเขาในการเปลี่ยนแปลงเกมด้วยการทำประตูสำคัญทำให้เขาเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับความพยายามในอนาคตของทีม

 

การมองไปข้างหน้า

 

เมื่อเมมฟิส เดอปายยังคงอาชีพระดับนานาชาติต่อไป เขาคาดว่าจะทำลายสถิติมากขึ้นและตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับนักฟุตบอลรุ่นเยาว์ เรื่องราวของเขาเป็นการแสดงถึงความเพียรพยายามและความเป็นเลิศ เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นถัดไปในเนเธอร์แลนด์ ด้วยความสำเร็จนี้ เดอปายยังคงเสริมสร้างมรดกของเขาในวงการกีฬา ในขณะที่โลกรอชมก้าวต่อไปของเขาด้วยความเป็นใจ

 

เมมฟิส เดอปาย ทำสถิติดาวซัลโวเทียบเท่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ของเนเธอร์แลนด์ และแสดงความยินดีที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ในเวทีฟุตบอลระดับนานาชาติ

เมมฟิส เดอปายทำสถิติเทียบเท่าการทำประตูของแวน เพอร์ซี่

 

เมมฟิส เดอปายได้สร้างประวัติศาสตร์สำคัญในอาชีพระดับนานาชาติของเขา โดยทำสถิติการทำประตูเทียบเท่ากับโรบิน แวน เพอร์ซี่ ซึ่งเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ความสำเร็จของ เมมฟิส เดอปาย เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ฟุตบอลดัตช์และยืนยันถึงมรดกของเขา

 

การเดินทางสู่สถิติ

 

ตั้งแต่ลงนามในสนามครั้งแรกให้กับทีมเนเธอร์แลนด์ในปี 2013 เดอปายได้แสดงศักยภาพในการทำประตูอย่างต่อเนื่องในเวทีระดับนานาชาติ เส้นทางของเขาสู่การเทียบสถิติของแวน เพอร์ซี่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและการแสดงที่ยอดเยี่ยมในแมตช์ที่สำคัญ

 

ความภาคภูมิใจในความสำเร็จ

 

เดอปายแสดงความยินดีในการบรรลุเป้าหมายนี้ โดยยอมรับถึงความทุ่มเทและสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม เขากล่าวว่าการทำสถิติเสมอกับตำนานอย่างแวน เพอร์ซี่ถือเป็นไฮไลท์ส่วนตัวและเป็นแรงบันดาลใจให้มุ่งหน้าต่อไป

 

ผลกระทบต่อฟุตบอลดัตช์

 

ความสำเร็จของเดอปายไปไกลเกินกว่าความสำเร็จส่วนตัว มันยังแสดงถึงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ที่ยืนยาวในฟุตบอลดัตช์ ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นชั้นนำของ เนเธอร์แลนด์ การแสดงของเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้นักฟุตบอลเยาวชนและแฟนบอล เสริมสร้างบทบาทของเขาเป็นบุคคลสำคัญในทีมชาติ

 

การมองไปข้างหน้า

 

ด้วยการทาบสถิติแล้ว เดอปายมีเป้าหมายที่จะทำลายสถิตินั้นและสนับสนุนความสำเร็จของทีมต่อไป กองหน้าผู้นี้มีความตั้งใจที่จะรักษาฟอร์มการเล่นและช่วยให้เนเธอร์แลนด์บรรลุเป้าหมายใหม่ในทัวร์นาเมนต์ที่จะมาถึง การทำประตูของเขายังคงมีความสำคัญเมื่อทีมเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้านานาชาติครั้งต่อไป

 

บทสรุป

 

ความสำเร็จของเมมฟิส เดอปายเป็นพยานถึงทักษะและความมุ่งมั่นในสนาม ด้วยการทำสถิติเทียบเท่ากับโรบิน แวน เพอร์ซี่ เขาได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลดัตช์ เส้นทางยังคงดำเนินต่อไปเมื่อเขามุ่งหวังจะต่อยอดจากความสำเร็จนี้และทำผลงานที่มีผลกระทบต่อทีมชาติต่อไป

 

โอนาน่า มุ่งมั่นอยู่กับ Manchester United พร้อมพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเสียงวิจารณ์ที่ได้รับนั้นผิด และแสดงทักษะของเขาท่ามกลางการจับตามองของทุกคน

ความจงรักภักดีของโอนาน่าต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

อ็องเดร โอนาน่า ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าเขาตั้งใจจะอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อไป แม้ว่าจะได้รับคำวิจารณ์มากมายตั้งแต่เข้าร่วมทีม ความตั้งใจที่จะพิสูจน์ว่าคำวิจารณ์นั้นผิดเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขายังอยู่กับสโมสรต่อไป

 

การเผชิญคำวิจารณ์ด้วยความแข็งแกร่ง

 

ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อ็องเดร โอนาน่า ได้เผชิญกับคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการเล่นของเขา อย่างไรก็ตาม เขายังคงมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะของตนเองให้ตรงกับความต้องการของทีมและความคาดหวังของแฟนๆ ความยืดหยุ่นของโอนาน่าปรากฏชัดว่าเขาทำงานอย่างหนักทั้งในและนอกสนามเพื่อเสริมสร้างความสามารถของตนเอง

 

การเสริมสร้างแนวรับของยูไนเต็ด

 

ความจงรักภักดีของโอนาน่าต่อสโมสรมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การปรากฏตัวของเขาทำให้ทีมมีเส้นป้องกันที่สุด มั่นใจทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนๆ แม้จะมีความท้าทาย โอนาน่าก็ยังคงพัฒนาทักษะและปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันที่เข้มข้นในพรีเมียร์ลีก

 

การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมและผู้บริหาร

 

การสนับสนุนที่โอนาน่าได้รับจากเพื่อนร่วมทีมและการบริหารเป็นสิ่งสำคัญมากในเส้นทางของเขา การบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั่นใจว่าความพยายามของโอนาน่าจะนำไปสู่ผลงานที่ยอดเยี่ยมในสนาม เพื่อนร่วมทีมชื่นชมในความทุ่มเทของเขาและมักจะสนับสนุนให้เขาสานต่อความพยายาม

 

อนาคตของโอนาน่า

 

เมื่อมองไปข้างหน้า โอนาน่าหวังที่จะยืนยันตัวเองว่าเป็นผู้เล่นคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ความสามารถในการเอาชนะอุปสรรคของเขาแสดงศักยภาพในการนำความสำเร็จมาสู่สโมสร หนึ่งในเป้าหมายของเขาคือการมีส่วนร่วมสำคัญในชัยชนะของทีมทั้งในระดับชาติและนานาชาติ

 

ด้วยคำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์จากทีมโค้ชและการสนับสนุนที่มั่นคงจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอนาน่าหวังที่จะปิดปากนักวิจารณ์ได้ในที่สุด แม้ว่าสโมสรอื่น เช่น นีออม เอสซี จะได้แสดงความสนใจในตัวเขา แต่หัวใจของโอนาน่ายังคงอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่เขาแสวงหาที่จะสร้างตำนานของตัวเองที่นี่

โมฮาเหม็ด ซาลาห์เปิดเผยครั้งแรกว่าเกือบย้ายไปเล่นในลีกซาอุดีอาระเบีย แต่สุดท้ายตัดสินใจอยู่ต่อ หลังการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับอนาคตของเขา

เกือบย้ายของซาลาห์ไปลีกซาอุดีอาระเบีย

เมื่อเร็วๆ นี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวเด่นของลิเวอร์พูลเปิดเผยว่าเขาเกือบจะย้ายไปเล่นในลีกซาอุดีอาระเบีย ข้อเสนอนั้นยั่วยวนใจและมีการเจรจากัน แต่ในที่สุดซาลาห์ก็ตัดสินใจที่จะอยู่กับลิเวอร์พูล ซึ่งทำให้แฟนบอลหลายคนดีใจ

 

เหตุผลเบื้องหลังของการพิจารณา

การที่นักเตะที่มีชื่อเสียงจะพิจารณาไปเล่นในลีกที่มีรายได้สูงในช่วงท้ายของอาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ลีกซาอุดีอาระเบียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีสิ่งล่อใจด้านการเงินที่มากมาย อิทธิพลจากปัจจัยเหล่านี้อาจมีผลต่อการพิจารณาของซาลาห์

 

ทำไมซาลาห์ถึงเลือกที่จะอยู่ต่อ

แม้ข้อเสนอจะน่าสนใจ แต่ความมุ่งมั่นของซาลาห์ต่อทีมลิเวอร์พูลมีความสำคัญมากกว่า ความสัมพันธ์ของเขากับสโมสร แฟนบอล และเพื่อนร่วมทีมมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ นอกจากนี้ ความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกและช่วยเหลือเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล อาจทำให้การตัดสินใจนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

ผลกระทบจากการตัดสินใจของเขา

การอยู่กับลิเวอร์พูลหมายความว่าซาลาห์จะยังคงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์และความสำเร็จของทีม ทักษะและประสบการณ์ของเขาเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลมุ่งมั่นคว้าแชมป์ทั้งในลีกภายในประเทศและการแข่งขันระดับนานาชาติ

 

ด้วยแรงดึงดูดที่เพิ่มขึ้นของ ลีกซาอุดีอาระเบีย การเลือกของซาลาห์เน้นย้ำถึงความสมดุลระหว่างโอกาสทางการเงินและเป้าหมายระยะยาวในอาชีพ แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนเบื้องหลังการตัดสินใจของนักเตะ

วาร์ดี้สร้างประวัติศาสตร์ ยิงครบ 200 ประตูให้เลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนตัดสินใจลาทีมหลังจบซีซั่นนี้ ปิดฉากช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่กับสโมสร

เจมี่ วาร์ดี้: ตำนานที่สร้างประวัติศาสตร์

เจมี่ วาร์ดี้ ศูนย์หน้าชาวอังกฤษของเลสเตอร์ ซิตี้ ได้สร้างการเป็นตำนานอย่างแท้จริงในวงการฟุตบอล โดยการทำประตูครบ 200 ประตูให้กับสโมสร ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักเตะที่เริ่มต้นจากการเป็นมือสมัครเล่น

จุดเริ่มต้นและความสำเร็จ

วาร์ดี้เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับทีมเล็กๆ ก่อนจะได้ย้ายมาร่วมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ โดยวาร์ดี้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 ซึ่งเป็นที่จดจำของแฟนบอลทั่วโลก

200 ประตูแห่งความภาคภูมิใจ

การทำประตูครบ 200 ประตูให้กับเลสเตอร์ถือเป็นสถิติที่ไม่ง่ายเลยสำหรับนักเตะคนหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการเข้าร่วมสโมสรเมื่ออายุมากขึ้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ วาร์ดี้ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในลีก

การลาทีมหลังจบซีซั่น

หลังจากที่สร้างสถิติและความสำเร็จมากมาย ข่าวการลาทีมของวาร์ดี้หลังจบซีซั่นเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ทั้งเรื่องอนาคตของเขาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทีมเลสเตอร์เอง

เสียงสะท้อนของแฟนบอล

แฟนบอลของเลสเตอร์ ซิตี้ ต่างเสียดายที่ต้องเห็นการลาจากของนักเตะคนสำคัญ แต่ก็แสดงความขอบคุณและสนับสนุนในการตัดสินใจของเขา วาร์ดี้จะยังคงเป็นตำนานของสโมสรที่แฟนบอลจดจำตลอดไป

การลาของเจมี่ วาร์ดี้จากเลสเตอร์ ซิตี้ในครั้งนี้ สร้างทั้งความเศร้าและความภาคภูมิใจที่เขาทำให้ทีมได้ทั้งหมด และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน วาร์ดี้จะยังคงเป็นตำนานของวงการฟุตบอลอย่างไม่ต้องสงสัย

ชาบี อลอนโซ่เตรียมเปลี่ยนแปลงแท็กติกเรอัล มาดริดในฤดูกาลหน้า โดยเน้นเกมรุกและปั้นทีมใหม่เพื่อผลักดันสู่ความสำเร็จในเวทียุโรป

ในบทบาทใหม่ของเขา ชาบี อลอนโซ่เตรียมเข้ามาคุมทีม เรอัล มาดริด ในฤดูกาลหน้าด้วยแผนการที่สร้างความตื่นเต้นให้แฟนบอลได้ไม่น้อย อลอนโซ่ตั้งเป้าที่จะปรับปรุงการเล่นเกมรุกและปลุกทีมให้เดินหน้าเพื่อท้าทายเวที ลาลีกา และยุโรป

แผนการของอลอนโซ่

อลอนโซ่ต้องการเปลี่ยนแปลงการเล่นของทีมให้มีความคิดสร้างสรรค์และเกมรุกที่ดุดันมากขึ้น นอกจากนี้ เขายังเน้นการพัฒนาทักษะของนักเตะรุ่นใหม่เพื่อเสริมกำลังให้กับทีมและเพิ่มเติมความลึกในทีม ตัวอลอนโซ่เองที่คร่ำหวอดในโลกฟุตบอลมายาวนาน มีประสบการณ์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช ทำให้เขามีความพร้อมที่จะนำพา มาดริด สู่ยุคใหม่

การวางตัวผู้เล่น

หนึ่งในจุดเด่นของอลอนโซ่คือความสามารถในการจัดทีมให้มีความสมดุล โดยเฉพาะการสนับสนุนการทำเกมรุกและการป้องกันที่เหนียวแน่น เขามีแผนที่จะใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการควบคุมจังหวะเกมและเสริมความมั่นใจให้กับนักเตะในทุกตำแหน่ง

ผลกระทบต่อทีม

ด้วยแผนการใหม่นี้ อลอนโซ่หวังว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นและสร้างความมั่นคงร่วมกับการยกระดับทีมในเวทีลาลีกา ความคาดหวังจากแฟนบอลและผู้บริหารในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งในด้านวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาของทีม

ความท้าทายในฤดูกาลหน้า

การนำพา มาดริด ให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งใน ลาลีกา และเวทียุโรปนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ด้วยความสามารถและแผนการที่ชัดเจน อลอนโซ่มีความมั่นใจว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงทีมให้ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ

ด้วยความแกร่งและความตั้งใจในการปรับปรุงทีม เราสามารถคาดหวังว่าจะได้เห็น เรอัล มาดริด ที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้นในการแข่งขันฤดูกาลหน้า

ฮาลันด์ 'พร้อมและฟิต' กลับมาลงสนามให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้

กองหน้าชาวนอร์เวย์พร้อมกลับมาสู่สนามหลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า โดยเป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ยืนยันความพร้อมของนักเตะดาวยิงรายนี้

กองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) แอร์ลิง ฮาลันด์ (Erling Haaland) พร้อมที่จะกลับมาลงสนามหลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บในสุดสัปดาห์นี้ ตามคำยืนยันจากผู้จัดการทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola)

ฮาลันด์ (Haaland) วัย 24 ปี ต้องพักรักษาตัวตั้งแต่เดือนมีนาคมหลังได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในเกม เอฟเอ คัพ (FA Cup) ที่พบกับ บอร์นมัธ (Bournemouth) แต่ตอนนี้เขากลับมาพร้อมลงสนามในเวลาที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรายการดังกล่าวที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้

ดาวยิงทีมชาติ นอร์เวย์ (Norway) เป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนามเมื่อ ซิตี้ (City) เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน (Wolves) 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก (Premier League) สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นชัยชนะสำคัญในการลุ้นโควตา แชมเปียนส์ลีก (Champions League)และหากใครไม่อยากพลาด sbo mobile สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ก่อนการเดินทางไปเยือน เซาแธมป์ตัน (Southampton) ในวันเสาร์ (เวลา 15:00 น. ตามเวลาอังกฤษ) กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) กล่าวถึงความพร้อมของ ฮาลันด์ (Haaland) ว่า: "เขาพร้อมแล้ว เขาฟิตแล้ว ส่วนเรื่องจะได้เป็นตัวจริงหรือไม่ เราจะดูกันพรุ่งนี้"

ปัจจุบัน ซิตี้ (City) อยู่อันดับ 3 ของตาราง มีคะแนนนำ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ที่อยู่อันดับ 6 อยู่ 3 คะแนน ขณะที่ทุกทีมกำลังแข่งขันกันเพื่อคว้าโควตาหนึ่งในห้าอันดับแรกซึ่งในฤดูกาลนี้จะได้สิทธิ์เล่นฟุตบอล แชมเปียนส์ลีก (Champions League)

หลังจากเกมกับ เซาแธมป์ตัน (Southampton) ทีมของ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) จะพบกับ คริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ (FA Cup) ที่สนาม เวมบลีย์ (Wembley) ในวันที่ 17 พฤษภาคม ก่อนจะปิดฤดูกาลลีกด้วยเกมกับ บอร์นมัธ (Bournemouth) และ ฟูแล่ม (Fulham)

ในบทสัมภาษณ์กับ อีเอสพีเอ็น (ESPN) สัปดาห์นี้ ฮาลันด์ (Haaland) กล่าวว่าฤดูกาลที่น่าผิดหวังของ ซิตี้ (City) หลังจากที่เคยคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกันนั้น เป็นเพราะการสูญเสีย "ความหิวกระหาย" ในทีม

"คุณสามารถหาข้ออ้างได้ ทั้งเรื่องการบาดเจ็บ การบาดเจ็บมากมายในช่วงเวลาที่ไม่ดี แต่ท้ายที่สุดแล้วเราทำผลงานได้ไม่ดีพอ" ฮาลันด์ (Haaland) กล่าว

"เราไม่มีความหิวกระหายเต็มที่ในตัวเรา ผมเองก็ไม่ได้ดีพอ ผมไม่ได้ช่วยทีมมากพอ ในที่สุดแล้ว เราทุกคนไม่ได้ดีพอ"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคำพูดเหล่านี้ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) กล่าวว่า: "ถ้านั่นเป็นความรู้สึกของ แอร์ลิง (Erling) นักเตะควรคุยกันเองและถามตัวเองว่าทำไม"

ฮาลันด์ (Haaland) ทำได้ 21 ประตูจาก 28 นัดในพรีเมียร์ลีก (Premier League) ฤดูกาลนี้ - เป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เพียงคนเดียวที่ทำประตูได้สองหลักในการแข่งขันนี้

เขาทำได้ 30 ประตูจาก 40 เกมในทุกรายการในฤดูกาล 2024-25 พร้อมทั้งทำแอสซิสต์อีก 4 ครั้ง

หลังจากที่เคยคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก (Premier League) ในสองฤดูกาลหลังสุดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ ตอนนี้เขาทำประตูน้อยกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ดาวยิงของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) อยู่ 7 ประตู โดยเหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัดเท่านั้น

ความท้าทายยังรออยู่สำหรับทีมเรือใบสีฟ้าในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล แม้ว่าการกลับมาของกองหน้าคนสำคัญจะเป็นข่าวดี แต่คำพูดเกี่ยวกับการขาดความหิวกระหายในทีมก็เป็นสัญญาณที่น่ากังวล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อรักษาตำแหน่งในโซนแชมเปียนส์ลีก (Champions League) และมีโอกาสคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ (FA Cup)

นอกจากนี้ การที่ ฮาลันด์ (Haaland) พลาดโอกาสในการป้องกันตำแหน่งดาวซัลโวยังเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดถึงฤดูกาลที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของทั้งเขาและทีม อย่างไรก็ตาม แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ยังคงหวังว่าการกลับมาของดาวยิงรายนี้จะช่วยให้ทีมจบฤดูกาลได้อย่างแข็งแกร่งและสามารถเก็บถ้วยรางวัลได้อย่างน้อยหนึ่งรายการ

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ ฮาลันด์ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครไม่อยากพลาด sbo mobile สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

อังเก้ ปอสเตโคกลู (Ange Postecoglou) ผู้จัดการทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) แสดงความไม่พอใจกับกระแสข่าวเชิงลบที่รายล้อมสโมสร แม้ทีมจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก (UEFA Europa League) หลังเพิ่งเอาชนะ โบโด/กลิมท์ (Bodo/Glimt) 3-1 ในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศ แต่สถานการณ์ใน พรีเมียร์ลีก (Premier League) กลับย่ำแย่ โดย สเปอร์ส อยู่ในอันดับที่ 16 และแพ้ไปแล้วถึง 19 เกมจาก 34 นัด

ปอสเตโคกลูเผยก่อนเกมลีกกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) ว่าบรรยากาศรอบๆ สโมสรยังคงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง และความกลัวที่จะผิดหวังอีกครั้ง ทำให้ยากต่อการสร้างวัฒนธรรมแห่งชัยชนะภายในทีม

ความเชื่อมั่นคือหัวใจของชัยชนะ

ปอสเตโคกลู กล่าวถึงบรรยากาศภายในสนาม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม (Tottenham Hotspur Stadium) ว่ากลายเป็นความตึงเครียดทันทีที่ โบโด/กลิมท์ (Bodo/Glimt) ยิงตีไข่แตกในนาทีที่ 84 เขาเชื่อว่าความรู้สึกเหล่านี้มาจากประสบการณ์ผิดหวังของแฟนบอลในอดีต ซึ่งเขาต้องการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นพลังบวก

"ผู้ชนะจะไม่กลัวความล้มเหลว พวกเขามีความชัดเจนในสิ่งที่ต้องทำเพื่อคว้าชัยชนะ และนั่นคือสิ่งที่ผมพยายามสื่อให้กับนักเตะ" ปอสเตโคกลูกล่าว "หากคุณมัวแต่คิดว่าอะไรจะผิดพลาด มันก็จะเกิดขึ้นจริง ดังนั้นเราต้องโฟกัสกับสิ่งสำคัญที่สุดเท่านั้น"

ปัญหาอาการบาดเจ็บเพิ่มความท้าทาย

ในส่วนของขุมกำลัง ปอสเตโคกลูต้องเจอปัญหาเพิ่มเติม เมื่อ ลูคัส แบร์กวัลล์ (Lucas Bergvall) ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า และคาดว่าจะหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดฤดูกาล ขณะที่ เจมส์ แมดดิสัน (James Maddison) จะเข้ารับการตรวจอาการเจ็บที่หัวเข่า ซึ่งเกิดจากเกมกับ โบโด/กลิมท์ (Bodo/Glimt)

ไม่เพียงเท่านั้น โดมินิค โซลันกี้ (Dominic Solanke) ก็ได้รับบาดเจ็บต้นขาในเกมเดียวกัน และยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถลงเล่นในเกมพบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) ได้หรือไม่

แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ปอสเตโคกลูยังคงยืนยันแนวทางการทำทีมของเขาในการสร้างวัฒนธรรมผู้ชนะ และเชื่อว่าการมุ่งมั่นไปที่เป้าหมายสำคัญจะช่วยให้ สเปอร์ส พลิกสถานการณ์ได้ในช่วงท้ายฤดูกาล

หากคุณกำลังมองหาแหล่งเดิมพันกีฬาที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย ทางเข้า pic5678 คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด ทีมงานมีการตรวจสอบและปรับปรุง ทางเข้า pic5678 ให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง

 

ในช่วงเวลาที่ สโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) กำลังประสบปัญหาผลงานที่ไม่คงเส้นคงวา การปะทะกันทางคำพูดระหว่างกองหน้าทีมชาติ เยอรมนี (Germany) นิคลาส ฟูลล์ครูก (Niclas Fullkrug) กับผู้จัดการทีม เกรแฮม พอตเตอร์ (Graham Potter) ได้สร้างความตึงเครียดเพิ่มเติมให้กับสถานการณ์ของสโมสรที่กำลังดิ้นรนหนีโซนตกชั้น

 

การระเบิดอารมณ์ที่ไม่คาดคิด ของ นิคลาส ฟูลล์ครูก

 

หลังจากเกมที่ เวสต์แฮม เสียประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายให้กับ เซาแธมป์ตัน (Southampton) ทีมที่ตกชั้นไปแล้ว ฟูลล์ครูก ได้แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงต่อสื่อมวลชน โดยวัย 32 ปีไม่ได้เก็บความรู้สึกไว้เมื่อเขากล่าวหาเพื่อนร่วมทีมบางคนว่าขาดแรงจูงใจและไม่ฟังคำสั่งของ พอตเตอร์ ระหว่างการแข่งขัน

"ผมโกรธมาก" ฟูลล์ครูก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง "มันน่าผิดหวังที่เห็นว่าบางคนในทีมไม่ได้แสดงความทุ่มเทเท่าที่ควร โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้" คำพูดของ ฟูลล์ครูก ได้จุดประกายการถกเถียงในวงการฟุตบอล อังกฤษ (England) เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะและความเป็นมืออาชีพ แม้ว่าหลายคนจะชื่นชมความซื่อสัตย์ของเขา แต่อีกหลายคนมองว่าการวิจารณ์เพื่อนร่วมทีมต่อหน้าสื่อเป็นการทำลายความสามัคคีในทีม

 

มุมมองของผู้จัดการทีม อย่าง เกรแฮม พอตเตอร์ กับ สถานการณ์เช่นนี้

 

เกรแฮม พอตเตอร์ ผู้เข้ามาคุมทีม เวสต์แฮม ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ตอบสนองต่อความคิดเห็นของ ฟูลล์ครูก อย่างระมัดระวังในการแถลงข่าวก่อนเกมเยือน ไบรท์ตัน (Brighton) ในวันเสาร์นี้ "ผมคิดว่า นิคลาส เป็นคนที่แสดงความรู้สึกตรงไปตรงมา" พอตเตอร์ กล่าว "ผมไม่เห็นด้วยกับเขาในบางประเด็นและเห็นด้วยในบางเรื่อง แต่เขามีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเอง" อย่างไรก็ตาม พอตเตอร์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความขัดแย้งไว้ภายในทีม: "ในฐานะนักเตะอาวุโส เราได้มีการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาหลายครั้ง และสำหรับผม การพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวดีกว่าในที่สาธารณะ จากนั้นเราจึงก้าวไปข้างหน้าในฐานะกลุ่ม นั่นคือวิธีการ" พอตเตอร์ ยังได้อธิบายถึงความสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่อทีมและสโมสร hillapple "คุณต้องซื่อสัตย์ คุณต้องสามารถพูดในสิ่งที่คุณคิด แน่นอน แต่คุณต้องคิดถึงทีมด้วย เรามีความรับผิดชอบต่อทีมและสโมสร" อดีตผู้จัดการทีม เชลซี (Chelsea) และ ไบรท์ตัน ยังเสริมอีกว่า: "บางครั้งผมอาจซื่อสัตย์กับความรู้สึกจริงๆ ของผม แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อนักเตะ ผมไม่คิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อสโมสร ดังนั้น เราทุกคนต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบของเราด้วย" ความตึงเครียดภายในทีมเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ เวสต์แฮม กำลังต่อสู้เพื่อรักษาสถานะในลีกสูงสุดของ อังกฤษ ตั้งแต่ พอตเตอร์ เข้ามาแทนที่ เดวิด มอยส์ (David Moyes) ในเดือนมกราคม ทีมได้เก็บเพียง 13 คะแนนจาก 13 เกมลีก ซึ่งเป็นฟอร์มที่ทำให้พวกเขาตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 17 ของตาราง พรีเมียร์ลีก (Premier League) ปัญหาของทีมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องผลการแข่งขัน แต่ยังรวมถึงสไตล์การเล่น การเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธี และการปรับตัวของนักเตะกับแนวคิดของผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ความไม่พอใจของ ฟูลล์ครูก

กองหน้าชาว เยอรมัน ซึ่งย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ยังคงปรับตัวกับฟุตบอล พรีเมียร์ลีก และความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากการต่อสู้เพื่อหนีการตกชั้นอาจส่งผลต่อความอดทนของเขา เวสต์แฮม จะต้องรวบรวมสมาธิอีกครั้งเมื่อพวกเขาเดินทางไปเยือน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (Brighton & Hove Albion) ในวันเสาร์นี้ เกมนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับ พอตเตอร์ ซึ่งเคยคุมทีม ไบรท์ตัน ระหว่างปี 2019-2022 ก่อนที่จะย้ายไปรับงานที่ เชลซี

ไบรท์ตัน ภายใต้การนำของ โรแบร์โต เด แซร์บี้ (Roberto De Zerbi) กำลังมีฤดูกาลที่น่าพอใจ โดยอยู่ในอันดับที่ 10 ของตาราง และนักเตะอย่าง พาสกาล กรอส (Pascal Groß), เซบาสเตียน โกเซส (Sebastien Haller) และ คามาลดีน ซูลมาเนี่ (Kamaladeen Sulemana) กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับ เวสต์แฮม เกมนี้เป็นโอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถรวมตัวกันหลังจากความวุ่นวายในสัปดาห์นี้ hillapple และเพิ่มระยะห่างจากโซนตกชั้น เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นของการจัดการการสื่อสารในยุคของโซเชียลมีเดียและการรายงานข่าวตลอด 24 ชั่วโมง คำพูดของนักเตะในงานแถลงข่าวหลังเกมสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชั่วข้ามคืน สำหรับผู้จัดการทีมอย่าง พอตเตอร์ การรักษาสมดุลระหว่างการส่งเสริมวัฒนธรรมของความซื่อสัตย์ภายในทีมและการควบคุมข้อความที่ส่งออกไปสู่สาธารณะเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เอ็ดดี้ ฮาว (Eddie Howe) ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United) ได้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ฮาว (Howe) วัย 47 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดบวมเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากรู้สึกไม่สบายมาหลายวัน แต่ตอนนี้เขาได้กลับมากำกับดูแลงานที่สนามฝึกซ้อมแล้ว เจสัน ทินดอลล์ (Jason Tindall) ผู้ช่วยผู้จัดการทีมและเกรม โจนส์ (Graeme Jones) โค้ชร่วมทีม ได้ทำหน้าที่คุมทีมแทน ฮาว (Howe) ในช่วงที่เขาไม่อยู่ ทางสโมสรได้ขอบคุณแฟนบอลผ่านทางแพลตฟอร์ม X สำหรับ "คำอวยพรที่อบอุ่น" ที่มอบให้กับผู้จัดการทีม นิวคาสเซิล (Newcastle) ซึ่งอยู่ในอันดับ 5 ของพรีเมียร์ลีก (Premier League) มีกำหนดเผชิญหน้ากับอิปสวิช (Ipswich) ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค (St James' Park) ในวันเสาร์นี้ ฮาว (Howe) ถูกนำส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 เมษายน หลังจากที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับผู้จัดการทีม โดยทินดอลล์ (Tindall) ได้ทำหน้าที่แทนเขาในการแถลงข่าวก่อนการแข่งขันในวันนั้น เมื่อวันที่ 12 เมษายน ทางสโมสรได้ประกาศว่าเขาจะพลาดการแข่งขันเกมเหย้ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเกมที่ทีมต้องลงแข่งขันในช่วงที่เขาไม่อยู่ ทินดอลล์ (Tindall) และโจนส์ (Jones) ได้นำทีมนิวคาสเซิล (Newcastle) เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) 4-1 ถล่มคริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) 5-0 และแพ้แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) 1-4 ซึ่งตอนนี้พวกเขาครองอันดับสุดท้ายที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันแชมเปียนส์ลีก (Champions League) ในพรีเมียร์ลีก (Premier League)

 

การฟื้นตัวของ เอ็ดดี้ ฮาว และอนาคตของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

 

การกลับมาของเอ็ดดี้ ฮาว (Eddie Howe) ถือเป็นข่าวดีสำหรับสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United) ในช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมกำลังแข่งขันเพื่อคว้าโอกาสในการเข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) ในฤดูกาลหน้า การขาดหายไปของผู้จัดการทีมวัย 47 ปีรายนี้ ทำให้หลายคนเป็นกังวลเกี่ยวกับทิศทางของทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

โรคปอดบวมที่ ฮาว (Howe) เผชิญ เป็นอาการที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วนและจริงจัง โดยการที่เขาสามารถกลับมาทำงานได้ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากเข้ารับการรักษา แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจของเขา ทีมแพทย์ของสโมสรได้ติดตามอาการของเขาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมและฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ก่อนกลับมาทำงาน ในช่วงที่ ฮาว (Howe) ไม่อยู่ เจสัน ทินดอลล์ (Jason Tindall) และเกรม โจนส์ (Graeme Jones) ได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีในการนำทีม 560bet โดยสามารถเก็บชัยชนะได้สองเกมจากสามเกม ซึ่งรวมถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) และคริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ต่อแอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ในเกมล่าสุด แต่ผลงานโดยรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ สำหรับแฟนบอลนิวคาสเซิล (Newcastle) การกลับมาของ ฮาว(Howe) เปรียบเสมือนการได้รับแรงบันดาลใจใหม่ในช่วงสำคัญของฤดูกาล แฟนบอลจำนวนมากได้แสดงความสนับสนุนผ่านสื่อสังคมออนไลน์และที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค (St James' Park) โดยหวังว่าการกลับมาของเขาจะช่วยผลักดันให้ทีมประสบความสำเร็จในเกมที่เหลือของฤดูกาล เกมต่อไปกับอิปสวิช (Ipswich) ในวันเสาร์นี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนิวคาสเซิล (Newcastle) ในการรักษาตำแหน่งในโซนแชมเปียนส์ลีก (Champions League) การเผชิญหน้ากับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาอย่างอิปสวิช (Ipswich) อาจดูเป็นเกมที่ไม่ยากนัก แต่ในพรีเมียร์ลีก (Premier League) ไม่มีเกมไหนที่ง่ายและทุกทีมสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้เสมอ

ฮาว (Howe) ได้สร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์ที่นิวคาสเซิล (Newcastle) นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งในปี 2021 เขาสามารถยกระดับทีมจากการเป็นทีมที่ต้องหนีตกชั้น ให้กลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีก (Premier League) ที่สามารถแข่งขันเพื่อโอกาสในการเล่นในยุโรปได้ ความสำเร็จนี้ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนบอลนิวคาสเซิล (Newcastle) และเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในลีก สำหรับเกมที่เหลือในฤดูกาลนี้ นิวคาสเซิล (Newcastle) ยังมีความท้าทายรออยู่ แต่ด้วยการกลับมาของฮาว (Howe) และฟอร์มที่ดีของนักเตะหลายคนในทีม 560bet ทำให้แฟนบอลมีความหวังว่าพวกเขาจะสามารถจบฤดูกาลด้วยการคว้าตั๋วแชมเปียนส์ลีก (Champions League) ได้สำเร็จ

 

การยึดครองพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก ภาระกิจสำคัญ ของ นิวคาสเซิ่ล หลังโควต้าที่ถูกเพิ่มเข้ามา

 

การแข่งขันในโซนท็อปโฟว์ของพรีเมียร์ลีก (Premier League) ในฤดูกาลนี้มีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ ด้วยทีมอย่างแอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur) และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ที่ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน ทุกเกมจึงมีความสำคัญและนิวคาสเซิล (Newcastle) จำเป็นต้องแสดงความสม่ำเสมอในช่วงที่เหลือของฤดูกาล แฟนบอลนิวคาสเซิล (Newcastle) หวังว่าจะได้เห็น ฮาว (Howe) กลับมายืนข้างสนามในเกมกับอิปสวิช (Ipswich) และนำทีมสู่ชัยชนะอีกครั้ง เพื่อรักษาตำแหน่งในโซนแชมเปียนส์ลีก (Champions League) และสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรอีกครั้งหนึ่ง