Skip to content

ความคาดหวังของ อาร์เซนอล ในซีซั่นนี้

แม้ว่าจะอกหักพลาดอันดับที่ 4 ไปในซีซั่นที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าการจูนทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ถือว่ามาถูกทางจริง การทำงานหนักของเค้าบวกกับความเข้าใจนักเตะ จนถึงสโมสร ทำให้อาร์เซนอลมีอะไรติดไม้ติดมือตลอดในซีซั่นที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงได้คอมมูนิตี้ ชิลด์ด้วย เปิดหัวมาดีแบบนี้ อะไรเป็นความคาดหวังของอาร์เซนอลได้บ้าง
ต้องขึ้นท็อปโฟร์
ซีซั่นที่แล้ว อาร์เซนอล จบที่อันดับ 8 ถือว่าเป็นอันดับที่เราไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก อาร์เซนอล แม้ว่าจะไม่ดีแค่ไหนก็ประคองเข้าที่สี่ของลีคได้ตลอด การตกลงไปถึงตรงนั้นถือว่าเป็นปัญหามากทีเดียว อย่างไรก็ตามหากมองจากฟอร์มและถ้วยรางวัลที่เก็บได้ในช่วงท้ายซีซั่นจนถึงตอนนี้ ต้องยอมรับว่า อาร์เซนอลมาแรงมาก หากมองในเรื่องความคาดหวัง อาร์เซนอลในลีค ต้องสามารถกลับไปจบได้อย่างน้อยที่สุด อันดับ 4 ทวงคืนพื้นที่ UCL ให้ได้ก่อน
บอลถ้วยในประเทศ
สำหรับบอลถ้วยในประเทศ เอาถ้วยเอฟเอคัพก่อน ถ้วยนี้ อาร์เซนอล ถือว่าเป็นแชมป์เก่าด้วย และแชมป์มากที่สุดด้วยเหมือนกัน มองถึงความคาดหวัง แน่นอนว่าเค้าต้องไปให้ได้ถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นอย่างน้อย ส่วนถ้วยลีคคัพ หรือ คาราบาวคัพนั้น มองว่าถ้าพวกเค้าไม่ส่งสำรอง บวกดาวรุ่ง จนพลาดกันไปเองก่อน ความคาดหวังก็คงต้องเป็นนัดชิงชนะเลิศด้วยเหมือนกัน
ฟุตบอลยุโรป
ซีซั่นนี้ อาร์เซนอล เกือบจะไม่ได้ไปบอลยุโรปแล้ว เนื่องจากว่าพวกเค้าอยู่ห่างจากพื้นที่ตรงนั้นมากเกินไป การได้อันดับที่ 8 ทำให้พวกเค้าไม่มีทางเลือกต้องไปเล่นฟุตบอลยุโรป ผ่านการเป็นแชมป์บอลถ้วยอย่างเอฟเอคัพเท่านั้น ซึ่งพวกเค้าก็ทำได้จริง ทำให้ซีซั่นนี้ อาร์เซนอล จะได้ไปเล่นบอลยูโรป้าลีคแทน ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องดีอยู่ สำหรับถ้วยนี้ ความคาดหวัง เราเชื่อว่าแฟนบอลคงหวังไปถึงรอบชิงชนะเลิศ หรือ ชนะเลิศได้เลย เพื่อเอาโควตามาเล่น UCL แต่เรากลับมองว่า ความคาดหวังว่าจะไปได้ถึงอย่างเก่งก็รอบ 4 ทีมสุดท้าย ถ้ามากกว่านั้นถือว่ากำไรชีวิต

เดอะค็อป
ทีมที่ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าถ้วยแชมป์จะตามมาด้วยรายได้ กับ พลังอำนาจในการต่อรองนักเตะให้ย้ายมาร่วมทีมกัน นักเตะก็อยากจะเล่นกับทีมที่ดูแล้วประสบความสำเร็จมากกว่าจริงไหม แต่ไม่ใช่กับดีลของติโม แวร์เนอร์ ที่หักเลี้ยวไปเชลซีซะอย่างนั้น เราไปแอบส่องการแสดงความคิดเห็นของชาวเดอะค็อปบางส่วนว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ต่อการวืด แวร์เนอร์
ไม่เป็นไรเรามีสามเทพอยู่
แน่นอนว่าติโม แวร์เนอร์ เล่นกองหน้า นั่นทำให้ แวร์เนอร์ ต้องไปแย่งตำแหน่งตัวจริงกับสามประสานอย่าง มาเน่, ซาลาห์ และ เฟอร์มิโน่ การไม่ได้มาของแวร์เนอร์ เด็กหงส์ส่วนใหญ่มักจะบอกว่าดีแล้ว ไม่เป็นไร เราไม่แคร์ เรามีสามประสานอยู่แล้ว ไม่มาก็เล่นได้ ยิงได้ มันก็จริง เราไม่เถียงแต่คำถามก็คือหากใครในสามคนนี้เจ็บไป แล้วจะเล่นกันอย่างไร อย่าลืมว่าสำรองที่มีอยู่อย่าง มินามิโนะ หรือ โอริกี้ ก็ดีจริงแต่มันจะอุ่นใจกว่าไหมถ้ามีแวร์เนอร์
ลิเวอร์พูลไม่เน้นซื้อแพง
คำปลอบใจข้อต่อไปก็คือ ลิเวอร์พูลไม่เน้นการซื้อนักเตะที่แพง ซึ่งมันก็จริง สามประสานแนวหน้าของพวกเค้าซื้อมาในราคาคนละไม่เกิน 40 ล้านปอนด์ การจะมาซื้อ ติโม แวร์เนอร์ ในราคาร่าฉีกสัญญาที่มากกว่า 52 ล้านปอนด์มันดูไม่ดี ไม่เหมาะสมเลย อันนี้ก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าหากจะซื้อราคาไม่เกิน 40 ล้านปอนด์แล้วได้นักเตะที่เก่งไม่จริงมา เชื่อว่าหลายคนคงยอมจ่ายในราคาแพงมากกว่า
ยิงเยอะไม่การันตี
สถิติของ ติโม แวร์เนอร์ หากไม่นับฤดูกาล 2019-2020 สามฤดูกาลหลังสุดเค้ายิงไปทั้งหมด 50 ประตูในสีเสื้อแอร์เบ ไลป์ซิก( 16,13,21) ถามว่าโหดไหมก็ถามใจเธอดู ยังมีแฟนหงส์บอกว่ายิงเยอะขนาดนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าย้ายมาลิเวอร์พูลแล้วจะเล่นดี ยิงระเบิด แถมยกตัวอย่าง โมราต้าของเชลซี ตอร์เรสเวอร์ชั่นเชลซี สองคนนี้ก็ย้ายมาแพงแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรก็จริงอยู่ดี แต่จะบอกว่าเรารู้สึกว่า แวร์เนอร์ จะไม่ตามรอยสองคนนั้นยังไงก็ไม่รู้สิ แต่ก็เอาเหอะก็ปลอบใจกันไปก่อน จะมาบ่นดีใจ หรือ ว่าคิดถูกแล้วที่ไม่มาลิเวอร์พูลก็คงต้องรอดูกันต่อไป

อีกวิธีหนึ่งที่ทีมสโมสรฟุตบอลระดับท้องถิ่นสามารถหยิบนำมาใช้ในการพัฒนาสโมสรของตัวเองและการพัฒนาท้องถิ่นไปพร้อมกันได้ก็คือ การสร้างคุณค่าของทีมที่มีต่อท้องถิ่นว่า ทีมฟุตบอลสำคัญอย่างไร ทำไมต้องมีซึ่งหากสร้างได้ก้จะทำให้ท้องถิ่นหันกลับมาสนับสนุนทีมมากขึ้น โดยไม่ต้องร้องขอด้วยซ้ำ ว่าแต่มีวิธีการไหนแนะนำกันบ้าง

เน้นไปที่เด็กสร้างของท้องถิ่น

วิธีแรกในการสร้างคุณค่าของท้องถิ่นก็คือ การสร้างเด็กปั้นนักฟุตบอลระดับต่างๆ ไล่ไปเลยตั้งแต่ชุดใหญ่ ชุด U23 ชุด U18 ชุด U16 หรืออาจจะต่ำกว่านั้นก็ได การสร้างเยาวชนนอกจากจะเป็นเวทีในการฟาร์มนักเตะไว้ขึ้นชุดใหญ่ หรืออาจจะเอาไปขายเพื่อสร้างรายได้ต่อทีมด้วยแล้ว ยังเป็นการสร้างคุณค่าของทีมต่อชุมชนและสร้างฐานแฟนบอลด้วย ลองนึกภาพว่าถ้าหากเรานำเด็กท้องถิ่นมาปั้น จนติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ แฟนบอลจะสนับสนุนเราแค่ไหน

การทำกิจกรรมร่วมกันกับท้องถิ่น

การออกไปทำกิจกรรมร่วมกับท้องถิ่นที่สังกัดอยู่ก็สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนต์ประเพณี ความเชื่อต่างๆของท้องถิ่น(จังหวัด) นั้น ทีมฟุตบอลควรเข้าไปร่วมด้วย อาจจะเป็นร่วมขบวนแห่ เปิดบูธ ออกงานอีเวนต์ และอื่นๆ อย่าไปคิดว่าเป็นการขัดเวลาซ้อมกีฬา ให้คิดเสียว่าเป็นการประชมสัมพันธ์ตัวเองและทีมฟุตบอลก็แล้วกัน ไปมันทุกงานเดี๋ยวคนก็จำได้ออกไปดูเราแข่งที่สนามเองแหละ

การถ่ายทอดสดเฉพาะในท้องถิ่น

อีกเรื่องหนึ่งที่ทีมไทยลีคระดับ ไทยลีค 3-4 อาจจะเสียเปรียบทีมใหญ่นั่นก็คือ โอกาสในการถ่ายทอดสดนั้นน้อยกว่าเยอะมาก ทีนี้เมื่อถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศไม่ได้ ก็น่าจะมีการจัดบูธหรือแฟนโซนสำหรับให้แฟนบอลเข้าไปดูก็ได้ อาจจะเป็นตามอำเภอต่างๆด้วย ไม่เพียงแค่ในเมืองเท่านั้น เมื่อได้ดูบ่อย เกิดอารมณ์ร่วมไปพร้อมกัน สุดท้ายก็หันมาเชียร์ในที่สุด

เซสฟาเบรกาส
เซสฟาเบรกาส

คุณมีวิธีปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในอังกฤษอย่างไร เพราะดูคุณจะปรับตัวได้รวดเร็วมากทีเดียว "เซสฟาเบรกาสคิดว่าตัวเองจะมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ในช่วง 3-4 เดือนแรกที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะว่าผมต้องมาพบกับสิ่งใหม่ๆมากมายและเป็นช่วงที่ผมกำลังอยากเรียนรู้ แต่ว่าหลังจาก 6 เดือนผ่านไปผมมีความรู้ว่าตัวเองสับสนน้อยลง และอาจจะเป็นเพราะว่ามีคนมากมายคอยให้ความช่วยเหลือผมอยู่ด้วย ดังนั้นผมจึงมีความสุขมากกับชีวิตที่นี่ในตอนนี้

คิดว่าคุณจะอยู่กับอาร์เซน่อลไปจนแขวนสตั๊ดเลยหรือเปล่าเพราะว่าตอนนี้คุณเพิ่งจะอายุ 17 เท่านั้นเอง ผมคิดว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา และตอนนี้ผมก็มีความสุขกับที่นี่มาก อาร์เซน่อลคือหนึ่งในทีม ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ทุกคนจะให้การยกย่องคุณราวกับราชา ซึ่งผม รู้สึกพึงพอใจมาก ผมฝันมาโดยตลอดว่าอยากจะเล่น ให้กับทีมใหญ่อย่างเขาดังนั้นถ้าหากว่าถามผมตอนนี้ ผมคงจะตอบได้ทันทีว่า ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายไปไหนทั้งนั้น

การฝึกซ้อมของบาร์เซโลน่า กับอาร์เซน่อลแตกต่างกันอย่างไร ตอนที่ผมอยู่กับบาร์เซโลน่าผมเล่นอยู่ในทีมชุดยู 16 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่วุ่นวายมาก เพราะว่าผมต้องไปเรียนในตอนเช้า และรีบมาซ้อมในตอนบ่าย ซึ่งทำให้สภาพร่างกายผมล้าเอามากๆ แต่กับที่นี่ผมลงซ้อมเพียงแค่อย่างเดียว และเราก็เน้นการซ้อม กับลูกบอลเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามการซ้อมของอาร์เซน่อลก็จัดว่าหนักเอาการเหมือนกัน

เวส บราวน์
เวส บราวน์

เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งและกลับมาลงซ้อมได้ในเดือน กันยายน โดยที่สัญญาของเขากับปีศาจแดง จะหมดลงอีกสองเดือนหลังจากนั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้กับนักเตะที่เข้าสู่วัยเบญจเพส อย่างเขามากทีเดียว

ในช่วงนั้นมีข่าวลือออกมาว่า เซอร์ อเล็กซ์ เตรียมที่จะจำหน่ายเขาออกจากทีม แต่ว่าในที่สุดทุกอย่างก็จบลงแบบ แฮปปี้ เอนดิ้ง เมื่อศิษย์เอกยอมจรดปากกาเซ็นสัญญาใหม่ออกไปจนกระทั่งถึงปี 2008

เวส บราวน์พูดถึงการเซ็นสัญญาครั้งนั้นว่า เป็นเรื่องดีที่มีการเซ็นสัญญากันเสียที เพราะว่าผมเองก็ยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป

ผมโต และก็พัฒนาการเล่นขึ้นมาจากที่นี่ ผมจึงดีใจมากที่จะได้อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดต่อไป ผมคิดว่าพวกเขาเป็นสโมสรที่ดีที่สุดในโลกแล้ว

ในเดือนธันวาคม บราวน์หายหน้าไปจากสังเวียนแข้งอีกครั้งโดยเขาต้องรอจนข้ามปีถึงได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเดือนมกราคมนี้

เขากลับมาลงสนามในเกมที่ปีศาจแดง เสมอกับเอ็กเซเตอร์ทีมนอกลีก 0-0 ในเอฟเอ คัพ รอบสามซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเขาโชว์ฟอร์มได้ดีทีเดียว ตรงกันข้ามกับผลงานในเกมนี้

การได้กลับมาลงสนามอีกครั้งถือเป็นเรื่องที่ดีเอามากๆ แต่ว่าเกมกับเอ็กเซเตอร์นั้นถือว่าเป็นนัดที่เราเล่นกันลำบากมาก

แม้ว่าเราจะส่งผู้เล่นสำรองลงสนามหลายคนในเกมนั้น แต่ด้วยความกดดันที่เราต้องแบกอยู่แบบเต็มๆ ทำให้ผลงานของพวกเขาออกมาไม่น่าประทับใจนัก และเอาชนะพวกเขาไม่ได้แต่อย่างน้อยเราก็ยังไม่ตกรอบ

แม็คก้า
แม็คก้า

มีหลายคนที่ติดต่อ แม็คก้า มาอยากให้ผมเล่าประวัติของตัวเอง เพื่อแลกกับสัญญาและเงินจำนวนมาก แต่ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เชื่อไหมว่าผมไม่มีสัญญาสปอนเซอร์กับรองเท้ายี่ห้อไหนมาแปดปีแล้ว บางทีผมอาจจะไม่เป็นที่สนใจของคนพวกนั้นอีกต่อไป

ผมไม่ได้ต้องการอธิบายให้ผู้คนฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่สเปน หนังสือเล่มนี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกและผมก็อยากให้คนส่วนใหญ่ได้อ่านเพราะ ซาราห์ เล่าเรื่องได้ดีมาก แต่ไม่รู้สิ ผมควรจะช่วยโปรโมตมันให้มากกว่านี้หน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ทำ

ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ก็เลยรู้สึกว่าทำไมจะต้องมาเริ่มต้นเอาตอนนี้ ผมบอกกับทางสำนักพิมพ์ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมคงจะไม่ไปนั่งแจกลายเซ็นให้กับคนที่ซื้อตามร้านหนังสือเด็ดขาด แค่พวกเขาเอาบางส่วนของหนังสือไปขายให้กับพวกแท็บลอยด์ ผมก็ว่ามันทะแม่งๆ มากแล้ว

ในขณะที่บรรดาซูเปอร์สตาร์ ที่เบอร์นาบิว กลายเป็นอดีตไปแล้ว ร็อบบี้ ฟาวเลอร์เพื่อนสนิทสมัยเด็กที่ ลิเวอร์พูล กลับมีโอกาสโคจรมาพบกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง ในฐานะเพื่อนร่วมทีมเรือใบสีฟ้า และก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย

ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นเด็กฝึกหัดของลิเวอร์พูล เขาก็เหมือนพี่ชายผมมาตลอด ฟาวเลอร์ เอ่ยถึงเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมนักกับเสียงวิจารณ์ที่เขาได้รับในช่วงที่ผ่านมาเพราะในความรู้สึกของผม เขายังเป็นนักเตะอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอยู่ดี หากมองในแง่ของความสำเร็จที่ได้รับกับการย้ายไปเล่นในลีกอื่น บางทีผมอาจจะเข้าข้างเขามากไปหน่อยก็ได้ เพราะเราสนิทกัน

หากพูดถึงผลงานของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลของกุนซือ เบรนเดน ร็อดเจอร์ในฤดูกาลหน้านี้นั้น อย่างที่ทราบกันดี ว่าสำหรับฤดูกาลนี้ ทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลนั้น ถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควรเลย เพราะฤดูกาลนี้นอกจากพวกเขาจะไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรติดมือได้แล้ว ฤดูกาลหน้าพวกเขายังไม่สามารถไปเตะรายการยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้อีกด้วย เพราะว่าฤดูกาลนี้พวกเขาไม่สามารถจบอันดับในโซนท็อปโฟร์ได้นั่นเอง

และแน่นอนว่า ถ้าหากถามว่าอะไรคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลของกุนซือ เบรนเดน ร็อดเจอร์ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้น่าผิดหวังไปหน่อย โดยเฉพาะหากเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้วนั้น ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความแตกต่าง คงไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือ เป็นเพราะพวกเขาขาดกองหน้าตัวที่พอจะฝากความหวังของทีมได้นั่นเอง เพราะจะเห็นได้ว่า ฤดูกาลนี้การที่ลิเวอร์พูลไม่มีกองหน้าตัวเก่งอย่างเจ้า หลุยส์ ซัวเรสช่วยทีมนั้น บวกกับกองหน้าตัวใหม่ที่ซื้อมาก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในเรื่องการผลิตสกอร์ให้กับทีมได้ ก็เลยส่งผลทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ขาดความดุดันไปพอสมควรเลย สุดท้ายก็เลยส่งผลต่อผลงานของทีมไปด้วย เลยทำให้เชื่อว่า สำหรับตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้าที่จะถึงนี้ ลิเวอร์พูลน่าจะหากองหน้าตัวใหม่เพิ่มแน่นอน และดูเหมือนว่า หนึ่งในตัวเลือกของพวกเขาจากกระแสข่าวที่ออกมานั้นก็คือ เจ้ามาริโอ้ มานด์ซูคิช นั่นเอง

และจากกระแสข่าวที่ทางทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลของกุนซือเบรนเดน ร็อดเจอร์ตกเป็นข่าวสนใจเจ้า มาริโอ้ มานด์ซูคิช นี้นั่นเอง เลยจะขอพูดถึงในความนี้กันหน่อย นั่นก็เพราะคิดว่า ถ้าลิเวอร์พูลให้ความสนใจเจ้ามาริโอ้ มานด์ซูคิช เพื่อมาเป็นกองหน้าตัวใหม่ในฤดูกาลหน้าจริงๆ อยากให้พวกเขาควรมองหาตัวเลือกอื่นก่อนดีกว่า นั่นก็เพราะคิดว่า เจ้ามาริโอ้ มานด์ซูคิช นั้นไม่น่าจะเข้ากันได้ดีกับลิเวอร์พูลเท่าไหร่นั่นเอง

สำหรับเหตุผลว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้นก็เพราะว่า แม้โดยส่วนตัวแล้วจะยอมรับว่า มาริโอ้ มานด์ซูคิช นั้นถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลิเวอร์พูลก็ตาม แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลิเวอร์พูลนั้นลองมองหาตัวเลือกอื่นก่อนดีกว่า เพราะด้วยคิดว่า สไตล์การเล่นของเจ้ามาริโอ้ มานด์ซูคิช นั้นไม่น่าจะเข้ากันได้ดีกับระบบการเล่นของลิเวอร์พูลเท่าไหร่ เพราะจริงๆแล้ว มาริโอ้ มานด์ซูคิช นั้นสไตล์การเล่นของเขาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับกองหน้าที่ลิเวอร์พูลมี ทั้งมาริโอ้ บาโลเตลี่ และริคกี้ แลมเบิร์ต ซึ่งกองหน้าสไตล์แบบนี้เห็นได้ชัดว่า ไม่สามารถเข้ากันได้ดีกับลิเวอร์พูลเท่าไหร่ เพราะกองหน้าที่จะเข้ากันได้ดีกับระบบการเล่นของลิเวอร์พูลตอนนี้นั้น จะต้องเป็นกองหน้าที่มีความคล่องตัวสูงไปกับบอลได้ดี และสามารถสร้างโอกาสในการจบสกอร์เองได้ อย่างเช่นเจ้า หลุยส์ ซัวเรส และเจ้า ดาเนี่ยล สเตอริดจ์ นั่นเอง ดังนั้นก็เลยทำให้มองว่า แม้มาริโอ้ มานด์ซูคิช จะเป็นตัวเลือกที่ดีก็ตาม แต่ถ้าเป็นไปได้ลิเวอร์พูลควรมองหาตัวเลือกก่อนดีกว่า โดยเน้นกองหน้าที่สไตล์การเล่นเข้ากันได้ดีกับระบบการเล่นของทีมเป็นตัวเลือกแรกก่อนดีกว่านั่นเอง.

ยูเวนตุส
ยูเวนตุส

ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า หลังจากที่ได้ทราบผลของคู่ชิงศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกในปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ซึ่งก็คือการพบกันระหว่างบาร์เซโลน่ากับยูเวนตุส ต้องบอกว่า เป็นผลการแข่งขันที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์พอสมควรจริงๆ เพราะต้องบอกว่า ดูเหมือนทางด้านทีมยูเวนตุสจากอิตาลีนั้น พวกเขาจะทำผลงานในรายการนี้ได้อย่างเยี่ยมยอดและเกินความคาดหมายพอสมควรเลย นั่นก็เพราะว่า สำหรับในตอนแรกนั้นมองว่า รายการนี้ยูเวนตุสของกุนซือ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรีนั้น น่าจะมาได้แค่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น เพราะว่าต้องพบกับรีลมาดริด ทีมคู่แข่งที่ค่อนข้างเหนือกว่า ทั้งเรื่องประสบการณ์ และขุมกำลังของทีมพอสมควรเลย แต่กลายเป็นว่า ยูเวนตุสสามารถผ่านรีลมาดริดไปได้และเข้าถึงรอบชิงได้สำเร็จนั่นเอง

และหลังจากที่ยูเวนตุสสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้ได้สำเร็จนั้น แน่นอนว่าหนึ่งในคำถามที่น่าสนใจหลังจากนี้ก็คือ แล้วพวกเขาจะสามารถไปถึงแชมป์รายการนี้ได้รึเปล่า เชื่อว่าคงจะมีหลายๆคนแน่นอนที่ให้ความสนใจผลการแข่งขันของคู่นี้ไม่น้อย เพราะต้องบอกว่า ถ้าหากปีนี้ยูเวนตุสสามารถคว้าชัยชนะและคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้สำเร็จนั้น ถือว่าเป็นผลงานที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์มากๆแน่นอน แต่ถ้าหากกลายเป็นว่า พวกเขาทำได้ไม่สำเร็จนั้น ก็ต้องบอกว่า พวกเขาก็ทำได้อย่างเยี่ยมยอดแล้ว

นั่นก็เพราะว่า ด้วยคู่แข่งของพวกเขาในรอบชิงปีนี้คือยอดทีมแกร่งจากสเปนอย่าง บาร์เซโลน่านั้น ถือว่าเป็นคู่แข่งที่งานยากสำหรับพวกเขาพอสมควรเลย เรียกได้ว่า หากเทียบกับแล้ว ยูเวนตุสนั้นค่อนข้างเป็นรองพอสมควรเลย ทั้งเรื่องประสบการณ์ในรายการนี้ ที่จะเห็นได้ว่าบาร์เซโลน่านั้นค่อนข้างทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ต่อมาในส่วนของขุมกำลังของทีมนั้น หากเทียบกันแล้วก็ต้องบอกว่า บาร์เซโลน่านั้นก็ค่อนข้างเหนือกว่าอีกด้วย แถมปีนี้แนวรุกของบาร์เซโลน่าก็ค่อนข้างท็อปฟอร์มพอสมควรเลย ดังนั้นเลยมองว่า หากสุดท้ายแล้ว ยูเวนตุสนั้นไม่สามารถผ่านบาร์เซโลน่าจนคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้สำเร็จนั้น ก็ถือว่าพวกเขาทำได้อย่างเยี่ยมยอดแล้ว เพราะทีมค่อนข้างเป็นรองจริงๆ และที่สำคัญอย่างน้อยปีนี้ ยูเวนตุสก็ทำผลงานรายการนี้ได้อย่างดีเกินความคาดหมายแล้วด้วยที่สามารถเข้าชิงได้สำเร็จ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยทีเดียว ว่าตอนนี้ยูเวนตุสนั้น มีศักยภาพพอที่จะผ่านเข้าถึงรอบลึกในรายการนี้ได้ ดังนั้นหากไม่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาได้จริงๆ ก็ไม่ถือว่าเสียหายมากนัก เพราะพวกเขาทำได้อย่างเยี่ยมยอดแล้วนั่นเอง

ฮวน กัวดราโด้
ฮวน กัวดราโด้

หลังจากที่ศึกการแข่งขันพรีเมียร์ลีกของครึ่งฤดูกาลหลังนั้น ได้ทำการแข่งขันมาได้ซักระยะนึงแล้ว สำหรับในบทความนี้เลยจะขอพูดถึงเกี่ยวกับฟอร์มของนักเตะใหม่ที่ย้ายเข้ามาพรีเมียร์ลีกในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองที่ผ่านมากันหน่อย และสำหรับนักเตะคนที่จะพูดถึงในบทความนี้ก็คือ ปีกตัวใหม่ของเชลซีอย่างเจ้า ฮวน กัวดราโด้ นั่นเอง นั่นก็เพราะต้องบอกว่า หลังจากที่ได้ติดตามดูฟอร์มการเล่นของเจ้าปีกตัวใหม่ของเชลซีคนนี้แล้ว ดูเหมือนเป็นฟอร์มที่น่าผิดหวังไปหน่อยนั่นเอง

นั่นก็เพราะว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเชลซีและได้รับโอกาสในการลงสนามไปบ้างแล้วนั้น แต่ดูเหมือนว่า เจ้าฮวน กัวดราโด้นั้น ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มออกมาได้ดีเท่าที่ควรเลย หรือจะบอกว่ายังไม่มีนัดไหนเลยที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ดีระดับนึงหรือว่าน่าประทับใจเลย ซึ่งแน่นอนว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะ เจ้าตัวพึ่งย้ายมาอยู่กับเชลซีได้ไม่นาน คงอาจจะยังปรับตัวให้เข้ากับเชลซีและสไตล์การเล่นของ พรีเมียร์ลีกยังไม่ค่อยได้ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องบอกว่า เขาก็ควรจะโชว์ผลงานออกมาได้ดีกว่านี้ เพราะหลายๆเกม เจ้าตัวเหมือนไม่ค่อยกล้าเล่นเท่าไหร่นัก แถมยังยังทำอะไรติดๆขัดไปหมด เรียกได้ว่า ยังไม่เห็นแววคุ้มค่าออกมาเลย และคิดว่าหากหลังจากนี้ หากเจ้ากัวดราโด้ ยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป บอกได้เลยว่า อนาคตของเขากับเชลซีในฤดูกาลหน้านั้น ลำบากแน่นอน

สำหรับเหตุผลว่าทำไมต้องกล่าวเช่นนั้นก็เพราะคิดว่า ถ้าก่อนจบฤดูกาลนี้เจ้า ฮวน กัวดราโด้ยังไม่โชว์ฟอร์มออกมาให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เชื่อว่าในฤดูกาลหน้าเขาคงอาจจะเป็นได้แค่ตัวสำรองกับเชลซีเท่านั้น เพราะอย่าลืมนะว่า ฤดูกาลหน้าปีกอีกคนของเชลซีที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีเหลือเกินอย่างเจ้า ซาล่าห์นั้น เขาก็จะกลับมาเชลซีอีกครั้ง ซึ่งนั่นหมายความ มีโอกาสเป็นไปได้สูงแน่นอน ที่มูริญโญ่จะเลือกให้โอกาสเจ้าซาล่าห์มากกว่า เพราะเป็นธรรมดาที่กุนซือจะต้องเลือกนักเตะที่ฟอร์มดีกว่าเป็นตัวเลือกแรกแน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่า กัวดราโด้จะกลายเป็นตัวสำรองยาวแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมนะว่า นอกจากซาล่าห์แล้ว เชลซีก็ยังมีเจ้าวิลเลี่ยนที่เป็นตัวหลักอีกคน ดังนั้นหลังจากนี้ เจ้ากัวดราโด้ จะต้องพยายามให้มากขึ้น เพื่อโชว์ฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของตัวเขาเองสำหรับในฤดูกาลหน้ากับเชลซีนั่นเอง.

ฆวน มาต้า
ฆวน มาต้า

เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าหากพูดถึงนักเตะที่ชื่อว่า ฆวน มาต้า แล้ว หลายๆคนคงน่าจำกันได้ดีว่า เจ้ามิดฟิลด์คนนี้เคยได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในมิดฟิดล์ที่ดีที่สุดคนนึงของพรีเมียร์ลีกมาก่อน เพราะหลังจากที่เจ้ามิดฟิลด์คนนี้ ตัดสินใจย้ายจากลีกสเปนมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับเชลซีในช่วงแรกๆนั้น เจ้าตัวโชว์ฟอร์มและผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน จนทำให้ใครหลายๆยกย่องให้เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิดล์ที่ดีที่สุดคนนึงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงความยอดเยี่ยมของฝีเท้าของเจ้าฆวน มาต้า นั้นก็คือ เจ้าตัวเคยฝากผลงานเอาไว้ด้วยการแอสซิตและช่วยยิงประตูสำคัญๆให้กับเชลซีไว้อย่างมากมาย จนทำให้เจ้าตัวคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเชลซีถึงสองปีติดนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ดี แต่ดูเหมือนว่า หลังจากที่เจ้าตัวได้ตัดสินใจย้ายออกจากเชลซีไปร่วมทีมแมนยูเพราะด้วยความต้องการโอกาสลงสนามมากขึ้นนั้น ดูเหมือนฟอร์มและผลงานการเล่นของเจ้า ฆวน มาต้า ที่เคยทำผลงานได้ดีและโดดเด่นเป็นอย่างมากนั้น ก็ได้หายไปพอสมควรเลย เรียกได้ว่าหากเทียบผลงานของเจ้าฆวน มาต้า กับทีมใหม่อย่างแมนยู เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่เชลซีแล้วนั้น ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนเลยว่า แตกต่างกันพอสมควรเลย ชนิดที่ว่าเห็นแล้วก็น่าใจหายและน่าผิดหวังไม่น้อย โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่เรียกได้ว่า โอกาสในการลงสนามกับแมนยูนั้น น้อยเหลือเกินเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือกหลักใช้งานของกุนซือ หลุยส์ ฟาล ฮาลเท่าไหร่นัก เลยทำให้ฤดูกาลนี้ฆวน มาต้า เลยมักยังคงเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ ซึ่งเห็นแล้วก็น่าเห็นใจไม่น้อย จนทำให้คิดว่า บางทีเจ้าฆวน มาต้า ควรตัดสินใจที่ย้ายทีมอีกครั้งด้วยการย้ายกลับไปเล่นในลีกสเปนอีกครั้งนั่นเอง

นั่นก็เพราะว่า หลังจากที่ได้ติดตามดูบทบาทของเจ้าฆวน มาต้า กับแมนยูภายใต้การทำทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง หลุยส์ ฟาล ฮาลดูแล้วนั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เหมือนเจ้าฆวน มาต้า จะไม่ค่อยเข้ากับระบบการเล่นของหลุยส์ ฟาล ฮาลเท่าไหร่ เลยทำให้เขามักเป็นได้แค่ตัวเลือกที่สองของทีมในแดนกลางเท่านั้น เลยทำให้คิดว่า บางทีหากเขายังคงมีความต้องการเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เขาย้ายออกจากเชลซไปก็คือ ต้องการโอกาสในการลงสนามมากขึ้นนั้น เขาก็ควรน่าจะลองตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้ง โดยเลือกกลับไปอยู่กับทีมในลีกสเปน ที่น่าจะเข้ากับเขาได้ดีกว่าแมนยู และคิดว่าหากเขาเลือกกลับไปเล่นในสเปนอีกครั้งนั้น เขาน่าจะได้เป็นตัวหลักของทีมแน่นอน ซึ่งมันก็จะเป็นผลดีต่อตัวเขาเอง ดังนั้นเลยคิดว่า ถ้าหากเขาดูแล้วว่า เขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของแมนยูแล้ว และอยากได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น เขาก็ควรจะตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเขานั่นเอง.