Skip to content

ตัวแทนจากพรีเมียร์ลีค ใครจะมากู้วิกฤติที่บาร์ซ่า

แม้ว่าเกมเมื่อคืน บาร์ซา จะเอาชนะเกมยากอย่างเซบีญ่า มาได้ เก็บเพิ่มอีก 3 คะแนน จนสะสมเป็น 53 คะแนน ตามจี้จ่าฝูงอย่าง แอต.

มาดริด อยู่ เพียงแค่ 2 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 2 เกม ถือว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ว่าก็มีข่าวออกมาว่า บอร์ดบาร์ซา ไม่ค่อยพอใจผลงานของ คูมัน เทรนเนอร์สักเท่าไรมีข่าวออกมาว่า พวกเค้าจะดึงกุนซือจากพรีเมียร์ลีคไปทำงานแทนที่ เรามาดูกันว่าใครพอจะเป็นไปได้บ้าง ไม่นับ เป๊ป ที่เป็นไปได้มากสุดอยู่แล้ว

เจอร์เก็น คล็อปป์

คนแรกที่เรามองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงเลย เจอร์เก็น คล็อปป์ กำลังประสบปัญหาเหมือนครั้งปีสุดท้ายตอนคุมดอร์ทมุนด์ที่ผลงานของทีมตกลงไปอย่างมาก แม้ว่าจะแก้เก้อด้วยเหตุผลเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บได้ แต่เอาจริงก็มาอ้างทั้งหมดไม่ได้ เค้าต้องรับผิดชอบผลงานนั้นด้วย ซึ่งคล็อปป์เองหากต้องลาทีมไปเชื่อว่าคงไม่มีใครโกรธเค้าเพราะว่าเค้าทำให้ความฝันของเดอะ ค็อปทั่วโลกเป็นจริงแล้วกับแชมป์พรีเมียร์ลีค หากเจ้าตัวอยากจะท้าทายตัวเองด้วยการไปคุมบาร์ซาก็น่าสนใจ

เบรแดน ร็อดเจอร์ส

อีกคนที่เรามองว่าส่วนตัวเหมาะกับบาร์ซามากก็คือ เบรแดน ร็อดเจอร์ส เค้ายกระดับจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาเป็นทีมหัวตารางของลีคอีกครั้ง ถือว่าเป็นผลงานที่สุดยอดมากทีเดียว บวกกับการปั้นนักเตะหลายคนให้กลายเป็นซุปตาร์ลูกหนัง ไม่ว่าจะเป็น เจมส แมดดิสัน, ฮาร์วีย์ บาร์น ,โซยุนคู น่าจะเหมาะกับบาร์ซาตอนนี้ที่กำลังสร้างทีมสายเลือดใหม่นั่นเอง

มาร์เซโล่ บิเอลซ่า

บาร์ซาเป็นทีมที่เล่นบอลสนุก บอลเร้าใจ หากจะหาใครสักคนที่ทำทีมฟุตบอลแบบถอยไม่ได้ รุกเดินหน้าอย่างเดียว ก็คือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่านี่แหละ บวกกับประสบการณ์ บารมี ที่น่าจะเอานักเตะอยู่ ไหนจะผลักดันดาวรุ่งให้เกิดบนโลกลูกหนังอย่างมากมาย หากเป็นเค้าย้ายไปคุมทีมก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ ว่าแต่ลีดส์ จะยอมไหมล่ะ

นักเตะหน้าคุ้น ชื่อคุ้น ของทีมอิสตันบูล

หากมองให้ดี การที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบไปเล่นยูโรป้าลีค ทั้งที่ชนะมารวดสองเกมแรก มีโอกาสในมือแท้ๆ แต่ทำไม่ได้ เชื่อว่าเกมที่พวกเค้าแพ้อิสตันบูล ในเกมนัดแข่งที่สาม น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญเลยหากพวกเค้าเก็บเกมนั้นได้ ทุกอย่างมันคงจบตั้งแต่เกมนัดที่ 4 ที่พวกเค้าเอาชนะไปได้อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้ว่า อิสตันบูลหลายคนอาจจะมองว่าเป็นไม้ประดับของกลุ่ม แต่ถ้าดูรายชื่อนักเตะ คนดูบอลพรีเมียร์ลีค อาจจะนึกไม่ถึงว่าเค้าเหล่านี้อยู่ทีมนี้ด้วยมีใครบ้าง

ราฟาเอล ดา ซิลวา

คนแรกที่ถือว่ามีความคุ้นเคยกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างดีเลยก็คือ ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็คที่เคยมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีคกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย เค้าคนนี้เคยสร้างชื่อจากตำนานแบ็คฝาแฝดชาวบราซิลเลี่ยนคู่กับอีกคนชื่อว่า ฟาบิโอ แล้วคนนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ค่อยเจ็บเท่าไร ทำให้ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่พร้อมจะมาแย่งตำแหน่งรุ่นพี่ในเวลานั้น

เดมบา บา

คนที่สอง เราเชื่อว่าแฟนเชลซี และ แฟนลิเวอร์พูล ไม่มีวันลืมเค้าอย่างแน่นอน ในยุคที่ลิเวอร์พูลขับเคลื่อนเกมโดยชายที่ชื่อว่า สตีเว่น เจอร์ราด พวกเค้าเคยเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีคมากที่สุด แต่ว่าคนที่ทำพลาดหลุดมือไปก็คือสตีเว่น เจอร์ราดเอง โดยพวกเค้าไปแพ้ฟุตบอลแบบมูรินโญ่สไตล์ที่บ้านของเชลซี โดยคนที่ทำให้ความหวังมันดับลงไปก็คือ เดมบา บานี่แหละ แต่หลังจากนั้นศูนย์หน้าคนนี้แฟนบอลอาจจะไม่ได้จดจำอะไรเท่าไร

มาร์ติน สเคอร์เทล

อีกหนึ่งคนที่แฟนบอลลิเวอร์พูล น่าจะจำได้ มาร์ติน สเคอร์เทล เคยเล่นให้กับลิเวอร์พูลช่วงปี 2008-2016 ตำแหน่งกองหลังของทีม ในเวลานั้นต้องบอกว่า เค้านี่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ที่คอยรับหน้าแทนน้องด้วยความแข็งแกร่ง แข็งกร้าวตามสไตล์ขาใหญ่ของทีมเลย เชื่อว่าแฟนบอลน่าจะจำเค้าได้ทั้งสามคน

ทำไม ลิเวอร์พูลต้องเผื่อใจเอาไว้กับเกมที่เจอกับ เชฟฟิลด์

เกมพรีเมียร์ลีคนัดวันอาทิตย์ที่จะลงเตะกัน เชื่อว่าหลายคนคงมองไปที่สองคู่ใหญ่ เลสเตอร์ เตะกับอาร์เซนอล และ คู่ของเชลซี เจอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้คู่ของแชมป์เก่าลิเวอร์พูล เจอกับ เชฟฟิลด์ บ๊วยของตาราง หลายคนมองผ่านไปแบบคิดว่ายังไงก็ชนะอยู่แล้ว เดอะค็อปเองก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าความจริงแล้วสภาพของทีมและองค์ประกอบหลายอย่าง เราอยากจะบอกว่า เดอะค็อปเองก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างด้วยเหมือนกัน

อลิสซอน อาจจะไม่พร้อม

ก่อนการลงสนามในเกมนี้ มีข่าวไม่ดีเลยสำหรับลิเวอร์พูล อลิสซอน แบร์เกอร์ ผู้รักษาประตูสูญเสียคุณพ่อไปอย่างกระทันหัน เจ้าตัวไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ด้วย นั่นทำให้สภาพจิตใจของเค้าเราไม่รู้ว่าพร้อมแค่ไหน อาจจะทำให้คล็อปป์ไม่เสี่ยงเอาเจ้าตัวลงสนามด้วยซ้ำไป นั่นทำให้อาจจะต้องไปลุ้นกับมือสองแทน ซึ่งผู้รักษาประตูมือสอง เราก็รู้อยู่นะว่ามีคุณภาพแค่ไหนในเกมนี้

ขาดนักเตะหลายคน

หากขาดอลิสซอนไปว่าน่ากลัว เรามาดูกันก่อนที่รายชื่อนักเตะบาดเจ็บที่ยาวเป็นหางว่าวอีก บวกกับ เฮนเดอร์สัน ที่ไม่ได้ลง ฟาบินโญ่ ก็ยังต้องลุ้น เลยต้องมาดูกันว่า ตัวจริงที่เหลืออยู่ จะดีพอเล่นชนะเชฟฟิลด์ได้หรือไม่ บอกเลยว่า ไลน์อัพที่เหลืออยู่ คงดีที่สุดเท่าที่มีแล้วในตอนนี้ ข่าวดีที่ยังพอเห็นได้ก็คือ โชต้า กลับมาซ้อมได้แล้ว มีลุ้นอาจจะลงสนามในฐานะตัวสำรองของเกมนี้

เชฟฟิลด์ เล่นแบบไร้ความกดดัน

สิ่งที่ เดอะ ค็อป ต้องกังวลมากที่สุดในเกมนี้ก็คือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นี่แหละ เพราะว่าตอนนี้ว่ากันตามตรง 11 คะแนนของพวกเค้าคงไม่มีปาฏิหารย์ใดๆในการพลิกกลับมาอยู่รอดในพรีเมียร์ลีคซีซั่นหน้าได้แล้ว ทีนี้พอนักเตะเล่นแบบไร้ความกดดัน พวกเค้าอาจจะเฉื่อยไปเลยเล่นให้ครบโปรแกรมอย่างนั้นเอง แต่อีกมุมหนึ่งนักเตะอาจจะฮึกเหิมขอล้มแชมป์เก่าให้ได้สักที ก่อนจะไม่ได้เจอกันอีกนานก็เป็นได้ หากเป็นแบบหลัง ลิเวอร์พูลเหนื่อยเลย

การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของลิเวอร์พูล

เกมลีคนัดที่ 5 จบลงไปของพรีเมียร์ลีค ต้องบอกเลยว่ากระแสข่าวทั้งหมดโดนกลบไปจากอาการบาดเจ็บของกองหลังตัวเก่งอย่าง เวอร์กิล ฟานไดค์ ที่บาดเจ็บอาการเอ็นไขว้หน้าขาด ต้องบอกเลยว่ากว่าจะกลับมาได้ก็ซีซั่นหน้าโน่นเลย จำไม่ผิดซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องลงทำศึกโดยไม่มีเค้าอีกแล้ว ทำให้ข่าวทุกกระแสต้องหันกลับมาดูกันว่า ลิเวอร์พูล จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดี

ฟาบินโญ่ ลงมาหลัง

การเสียเซนเตอร์แบ็ค ตัวหลักประจำทีมไป ย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ทางเลือกในการจัดทัพใหม่คงเป็นสิ่งที่คล็อปป์มองเอาไว้ ตัวเลือกที่จะเอามาแทน ฟานไดค์ น่าจะเป็น การถอย ฟาบินโญ่ ลงมาเล่นหลังแทน แล้วดัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาเล่นตำแหน่งของฟาบินโญ่ จากนั้น ก็ส่ง ธิอาโก้ ประสานงานกับพวกตัวรุกอย่างเต็มที่ไปเลย

เล่นตัวรับสองตัว

อีกหนึ่งวิธีการที่ คล็อปป์ อาจจะนำมาใช้ เป็นการปรับทัพใหม่ด้วยการยกมิดฟิลด์ตัวรับมาเป็นสองตัวแทน เพื่อให้การสกรีนบอลถึงกองหลังได้ยากขึ้น อาจจะเป็น เฮนเดอร์สัน ยืนคู่กับใครสักคน แล้วส่ง ธิอาโก้ ไปเล่นหน้ารุก แบบเต็มตัวแทน วิธีนี้จะช่วยให้เสียประตูยาก แต่การบุกก็จะต้องลดประสิทธิภาพตามไปด้วย

เน้นเกมบุกปิดเกมรับ

อีกหนึ่งวิธีการแก้ไขปัญหา อาจจะต้องมองไปที่วิธีการของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นที่แล้ว พวกเค้าเสีย เอเมอริค ลาปอร์ต เซนเตอร์แบ็คตัวเก่งไปเกือบทั้งซีซั่น วิธีการแก้ไข พวกเค้าเลือกใช้วิธีการครองบอลให้เยอะ และทำเกมบุกแบบคมกริบเพื่อยิงประตูให้ได้มากที่สุด ให้เกมมันขาดก่อนที่อีกฝ่ายจะยิงประตูได้ วิธีนี้ลิเวอร์พูลเองก็ทำได้เหมือนกัน อย่าลืมว่า ธิอาโก้ + สามเทพแดนหน้า ก็น่ากลัวอยู่นะ แต่วิธีนี้มันมีข้อเสียตรงที่จะต้องมีคนซัพพอร์ตสนับสนุนเยอะหน่อย ถ้าปล่อยให้สี่คนที่ว่ายิงอย่างเดียวน่าจะไม่พอ แต่ถ้ามีคนซัพพอร์ตน้อยจะยาก บวกกับมันทำให้อีกฝ่ายอ่านขาดด้วยว่าจะมาบุกแหลก หากเจอรับแน่นแล้วสวนกลับอาจจะหงายได้

เช็คฟอร์มเด็กผี ในยูโร 2020

เด็กผีหรือนักเตะจากค่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของทัวร์นาเมนต์ที่ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลระดับทวีปจะมีส่วนร่วมด้วยเสมอ มากน้อยแตกต่างกันไปตามวัฎจักรและฟอร์มของนักเตะในเวลานั้น ทีนี้ในศึกยูโร 2020 ที่เพิ่งจะจบไป เรามาย้อนรอยดูฟอร์มกันหน่อยว่า เด็กผีที่ติดทีมชาติไปมีใครฟอร์มเป็นอย่างไรกันบ้าง

โปรตุเกส

บรูโน่ แฟร์นันเดส ถือว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา แต่ว่ากับชุดทีมชาติเค้าเองยังมีเครื่องหมายคำถามเหมือนกันว่า ดีจริงหรือไม่ บางเกมนี่ต้องบอกว่าเงียบเลยทีเดียว ยูโรหนนี้ เจ้าตัวติดทีมชาติโปรตุเกสตามคาด พร้อมกับสตาร์ดังมากมาย สถิติเล่นไปทั้งหมด สี่เกม เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้เลยทั้งยิง และแอสซิสต์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่ต้องใช้คำว่า ผิดหวัง ได้เลยหากมองในเรื่องของฟอร์มการเล่น

สเปน

กระทิงดุ สเปน ก็มีนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย เพียงแค่คนเดียว เค้าก็คือผู้รักษาประตูของทีมอย่าง ดาบิด เดเคอา ที่ตอนแรกว่ากันจากใจ เราคิดว่าเจ้าตัวน่าจะได้เป็นมือหนึ่งในการลงสนามคราวนี้ แต่กลับผิดคาด เจ้าตัวไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมด้วย เสียตำแหน่งมือหนึ่งให้กับ อูไน ซิมม่อน ไปแทน สถานการณ์แบบนี้ถือว่าน่าเห็นใจเหมือนกัน ที่ต้องตกเป็นรองทั้งในสโมสรและทีมชาติ หากเจ้าตัวยังหวังจะไปแก้ตัวในฟุตบอลโลก คงต้องกลับมาเค้นฟอร์มใหม่ในทีมก่อนเพื่อหวังกลับมาชิงถุงมือเบอร์หนึ่งทีมชาติอีกครั้ง

สวีเดน

วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ หลายคนอาจจะมองข้ามความสามารถของเค้า แต่ว่าในทีมชาติเค้าคือเซนเตอร์แบ็คตัวจริงเบอร์หนึ่งของทีมแบบไม่ต้องสงสัยเลย ทัวร์นี้เค้าลงเล่นสี่เกม ครบหมด สถิติเคลียร์บอลสำเร็จ สิบห้าครั้ง บล็อคไปสี่ครั้งแถมมีเกมที่เค้าได้รับผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนั้นด้วย ใครที่มองว่าเค้าไม่ดีพออาจจะต้องคิดใหม่แล้วเหมือนกัน

เวลส์

มังกรแดงเวลส์ มีนักเตะของ แมนยูติดทีมไปด้วยสองคน แดนเนียล เจมส์ เป็นคนแรกที่ติดไป แม้จะดูอายุเป็นตัวดาวรุ่ง แต่กลับได้ลงทุกเกม ผลงานพอใช้ได้วิ่งเร็วจริง แต่ไม่เกิดอันตรายอะไรเลย อีกคน ดีแลน เลวิตต์ คนนี้ ดาวรุ่งไปหาประสบการณ์ของจริง ลงเล่นไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นแถมเป็นช่วงท้ายอีก อาจจะไม่ได้วัดอะไรมาก เป็นเพียงแค่การสร้างประสบการณ์เท่านั้น

เหตุผลที่ทำให้ รามอส เหมาะกับแมนยู

ตอนที่เขียนบทความนี้อยู่ ยอมรับเลยว่า เสียดายไม่น้อยที่ อูปาแมร์การ์โน่ สุดท้ายเลือกเส้นทางนักเตะไปที่บาเยิร์น มิวนิค แต่ว่าจะมาร่วมทีมตอนซัมเมอร์ ก็ต้องดูว่าต่อจากนี้ นักเตะจะได้ลงสนามมากน้อยแค่ไหน อีกหนึ่งกองหลังเซนเตอร์แบ็คที่เนื้อหอมมากก็คือ เซร์คิโอ รามอส กองหลังทีมชาติสเปน ที่ไม่ต่อสัญญาแน่นอน หลายทีมอยากได้เค้ามาร่วมทีมด้วย วันนี้เรามองในมุมของแมนยูกันก่อนว่า เหตุผลที่รามอส เหมาะกับแมนยูมีอะไรบ้าง

ความเก๋า และประสบการณ์

ต้องยอมรับว่า บางเกมแมนยูคุมเกมไว้ได้หมด กำลังจะเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว แต่ว่าสุดท้ายมันก็เปลี่ยนเป็นเสมอ หรือ แพ้ จากความผิดพลาดส่วนบุคคลที่เล่นกันไม่ละเอียดไปเอง การเข้ามาของรามอสจะช่วยเติมเต็มความเก๋า และประสบการณ์การเล่นมากขึ้น ในเกมใหญ่ที่กดดัน หรือ สถานการณ์ที่กดดัน บอกเลยว่า รามอส จะช่วยให้น้องๆกองหลัง ใจนิ่ง ไม่ล่กพอจนผ่านมาได้แน่นอน เค้าจะกลายเป็นผู้นำในแนวรับ เหมือนที่ ธิอาโก้ ซิลวา ทำกับเชลซีแน่นอน

คู่ขา แมกไกรว์

ตอนนี้ แฮร์รี่ แมกไกร์ว กัปตันทีมแม้จะซื้อมาแพงแต่ว่าเจ้าตัวถูกส่งลงสนามแทบจะทุกเกมทุกนาทีเลย เรียกว่าใช้งานคุ้มค่าก็คงจะไม่ผิด ปัญหาอยู่ที่คู่ขาของเค้าอย่าง ลินเดอเลิฟ กับ ไบญี่ ยังไม่ใช่คำตอบเท่าไร ลินเดอเลิฟเล่นดีแต่ไม่นิ่งพอพร้อมจะผิดพลาดได้ตลอด ส่วน ไบญี่ เองก็พร้อมเจ็บเล่นบ้างไม่ได้เล่นบ้าง ซึ่งหากเปลี่ยนคู่ขาเป็นรามอส ชายคนนี้แทบจะไม่เจ็บเลย แถมกล้าเลี้ยง กล้าชน กล้าสู้กับกองหน้าแบบไม่กลัวใครเลย น่าจะยืนระยะได้ดีและเป็นคู่ขาที่ดีของแมกไกร์วได้ดีกว่า

กองหลังทำประตู

หากมองว่าการสร้างกองหลังให้แน่นเป็นจุดเด่น ตามรอย ฟานไดค์ โมเดล แมนยูยิ่งต้องเซ็น รามอสเข้ามาเพราะว่า รามอสเป็นกองหลังที่มักจะสอดขึ้นมาทำประตูได้ดี ซึ่งนั่นจะกลายเป็นออฟชั่นเสริมในเกมรุกที่ทำให้ แมนยู น่ากลัวขึ้นเยอะเลย ว่าแต่บอกว่าดีขนาดนี้ เค้าจะมาไหม

สิ่งที่ไม่ควรจะดีใจเท่าไรจากเกมเอฟเอคัพรอบที่สี่

เกมเอฟเอคัพรอบที่สี่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงไปอย่างชื่นมื่นทั้งแฟนพันธุ์แท้ และ แฟนเฉพาะกิจที่เข้ามาเชียร์ด้วย อย่างไรก็ตามใครที่ดูในเกมอาจจะเห็นว่าเกมนี้ นักเตะปีศาจแดงเล่นค่อนข้างขาดเลย ทั้งการเข้าทำประตู ความเฉียบคม และเกมรับที่เจ้าถิ่นแม้จะคุ้นเคยกับสนามแต่กลับเอาชนะกองหลังแมนยูไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่เราไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีจากเกมนี้

ขนนักเตะตัวจริงลงเยอะ
มองที่อันดับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ทรานเมียร์ เป็นอะไรที่ห่างกันมาก แต่ไม่น่าเชื่อว่าเกมนี้ โซลชาร์ กลับเลือกที่ขนส่งนักเตะตัวจริงลงกว่าครึ่งทีมไม่ว่าจะเป็น มาร์คซิยาล, แมกไกร์ว, ลินเดอเลิฟ ,มาติช, ลุก ชอว์ ฯลฯ นั่นทำให้นักเตะกลุ่มนี้อาจจะต้องเหนื่อยล้ามากขึ้นจนอาจจะล้าในเกมต่อไปก็ได้ แถมเกมต่อไปก็สำคัญด้วย ซึ่งมองไปในอดีตเกมห่างชั้นกว่าเยอะแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นดาวรุ่งลงมากกว่า เก็บตัวนักเตะชุดใหญ่ไว้ซดในลีคสำคัญกว่า

ลินการ์ด ยิงได้แล้ว
เจสซี่ ลินการ์ด กลายเป็นนักเตะที่หลายคนร้องยี้เลย เมื่อได้ยินชื่อนี้ แต่เกมนี้เจ้าตัวเล่นได้ดี โดดเด่นด้วย 1 ประตู โอเคเราดีใจกับ ลินการ์ดด้วยที่ทำประตูได้สักทีในรอบหลายสิบเกม แต่พอเค้ายิงประตูได้แบบนี้ก็หวั่นใจเหมือนกันว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือของทีมจะส่งเค้าลงในเกมต่อไปขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนั้นเลย

การเข้าทำที่น้อยมาก
แม้ว่าสกอร์ประตูที่ได้จากเกมนี้จะมากถึง 6-0 แต่หากใครดูในเกมจะรู้เลยว่า เอาเค้าจริงแต่ละประตูที่ยิงได้นั้นเกิดจากความสามารถเฉพาะตัวที่ห่างชั้นกันมาก ไม่ได้มาจากการเข้าทำสักเท่าไร จะบอกว่าสกอร์หลอกตาก็ได้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการยิงไกล มากกว่า หากเกมต่อไปแมนยูยังคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้วจนเล่นติดประมาทบอกเลยว่าอาจจะจบได้เหมือนกัน

ความคาดหวังของ อาร์เซนอล ในซีซั่นนี้

แม้ว่าจะอกหักพลาดอันดับที่ 4 ไปในซีซั่นที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าการจูนทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ถือว่ามาถูกทางจริง การทำงานหนักของเค้าบวกกับความเข้าใจนักเตะ จนถึงสโมสร ทำให้อาร์เซนอลมีอะไรติดไม้ติดมือตลอดในซีซั่นที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงได้คอมมูนิตี้ ชิลด์ด้วย เปิดหัวมาดีแบบนี้ อะไรเป็นความคาดหวังของอาร์เซนอลได้บ้าง
ต้องขึ้นท็อปโฟร์
ซีซั่นที่แล้ว อาร์เซนอล จบที่อันดับ 8 ถือว่าเป็นอันดับที่เราไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก อาร์เซนอล แม้ว่าจะไม่ดีแค่ไหนก็ประคองเข้าที่สี่ของลีคได้ตลอด การตกลงไปถึงตรงนั้นถือว่าเป็นปัญหามากทีเดียว อย่างไรก็ตามหากมองจากฟอร์มและถ้วยรางวัลที่เก็บได้ในช่วงท้ายซีซั่นจนถึงตอนนี้ ต้องยอมรับว่า อาร์เซนอลมาแรงมาก หากมองในเรื่องความคาดหวัง อาร์เซนอลในลีค ต้องสามารถกลับไปจบได้อย่างน้อยที่สุด อันดับ 4 ทวงคืนพื้นที่ UCL ให้ได้ก่อน
บอลถ้วยในประเทศ
สำหรับบอลถ้วยในประเทศ เอาถ้วยเอฟเอคัพก่อน ถ้วยนี้ อาร์เซนอล ถือว่าเป็นแชมป์เก่าด้วย และแชมป์มากที่สุดด้วยเหมือนกัน มองถึงความคาดหวัง แน่นอนว่าเค้าต้องไปให้ได้ถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นอย่างน้อย ส่วนถ้วยลีคคัพ หรือ คาราบาวคัพนั้น มองว่าถ้าพวกเค้าไม่ส่งสำรอง บวกดาวรุ่ง จนพลาดกันไปเองก่อน ความคาดหวังก็คงต้องเป็นนัดชิงชนะเลิศด้วยเหมือนกัน
ฟุตบอลยุโรป
ซีซั่นนี้ อาร์เซนอล เกือบจะไม่ได้ไปบอลยุโรปแล้ว เนื่องจากว่าพวกเค้าอยู่ห่างจากพื้นที่ตรงนั้นมากเกินไป การได้อันดับที่ 8 ทำให้พวกเค้าไม่มีทางเลือกต้องไปเล่นฟุตบอลยุโรป ผ่านการเป็นแชมป์บอลถ้วยอย่างเอฟเอคัพเท่านั้น ซึ่งพวกเค้าก็ทำได้จริง ทำให้ซีซั่นนี้ อาร์เซนอล จะได้ไปเล่นบอลยูโรป้าลีคแทน ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องดีอยู่ สำหรับถ้วยนี้ ความคาดหวัง เราเชื่อว่าแฟนบอลคงหวังไปถึงรอบชิงชนะเลิศ หรือ ชนะเลิศได้เลย เพื่อเอาโควตามาเล่น UCL แต่เรากลับมองว่า ความคาดหวังว่าจะไปได้ถึงอย่างเก่งก็รอบ 4 ทีมสุดท้าย ถ้ามากกว่านั้นถือว่ากำไรชีวิต

เดอะค็อป
ทีมที่ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าถ้วยแชมป์จะตามมาด้วยรายได้ กับ พลังอำนาจในการต่อรองนักเตะให้ย้ายมาร่วมทีมกัน นักเตะก็อยากจะเล่นกับทีมที่ดูแล้วประสบความสำเร็จมากกว่าจริงไหม แต่ไม่ใช่กับดีลของติโม แวร์เนอร์ ที่หักเลี้ยวไปเชลซีซะอย่างนั้น เราไปแอบส่องการแสดงความคิดเห็นของชาวเดอะค็อปบางส่วนว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ต่อการวืด แวร์เนอร์
ไม่เป็นไรเรามีสามเทพอยู่
แน่นอนว่าติโม แวร์เนอร์ เล่นกองหน้า นั่นทำให้ แวร์เนอร์ ต้องไปแย่งตำแหน่งตัวจริงกับสามประสานอย่าง มาเน่, ซาลาห์ และ เฟอร์มิโน่ การไม่ได้มาของแวร์เนอร์ เด็กหงส์ส่วนใหญ่มักจะบอกว่าดีแล้ว ไม่เป็นไร เราไม่แคร์ เรามีสามประสานอยู่แล้ว ไม่มาก็เล่นได้ ยิงได้ มันก็จริง เราไม่เถียงแต่คำถามก็คือหากใครในสามคนนี้เจ็บไป แล้วจะเล่นกันอย่างไร อย่าลืมว่าสำรองที่มีอยู่อย่าง มินามิโนะ หรือ โอริกี้ ก็ดีจริงแต่มันจะอุ่นใจกว่าไหมถ้ามีแวร์เนอร์
ลิเวอร์พูลไม่เน้นซื้อแพง
คำปลอบใจข้อต่อไปก็คือ ลิเวอร์พูลไม่เน้นการซื้อนักเตะที่แพง ซึ่งมันก็จริง สามประสานแนวหน้าของพวกเค้าซื้อมาในราคาคนละไม่เกิน 40 ล้านปอนด์ การจะมาซื้อ ติโม แวร์เนอร์ ในราคาร่าฉีกสัญญาที่มากกว่า 52 ล้านปอนด์มันดูไม่ดี ไม่เหมาะสมเลย อันนี้ก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าหากจะซื้อราคาไม่เกิน 40 ล้านปอนด์แล้วได้นักเตะที่เก่งไม่จริงมา เชื่อว่าหลายคนคงยอมจ่ายในราคาแพงมากกว่า
ยิงเยอะไม่การันตี
สถิติของ ติโม แวร์เนอร์ หากไม่นับฤดูกาล 2019-2020 สามฤดูกาลหลังสุดเค้ายิงไปทั้งหมด 50 ประตูในสีเสื้อแอร์เบ ไลป์ซิก( 16,13,21) ถามว่าโหดไหมก็ถามใจเธอดู ยังมีแฟนหงส์บอกว่ายิงเยอะขนาดนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าย้ายมาลิเวอร์พูลแล้วจะเล่นดี ยิงระเบิด แถมยกตัวอย่าง โมราต้าของเชลซี ตอร์เรสเวอร์ชั่นเชลซี สองคนนี้ก็ย้ายมาแพงแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรก็จริงอยู่ดี แต่จะบอกว่าเรารู้สึกว่า แวร์เนอร์ จะไม่ตามรอยสองคนนั้นยังไงก็ไม่รู้สิ แต่ก็เอาเหอะก็ปลอบใจกันไปก่อน จะมาบ่นดีใจ หรือ ว่าคิดถูกแล้วที่ไม่มาลิเวอร์พูลก็คงต้องรอดูกันต่อไป

ซีดาน ชื่อนี้บอกเลยว่าแฟนบอลรีล มาดริด ไม่มีวันลืมเค้าอย่างแน่นอน ทั้งตอนลงสนามในสีเสื้อรีล มาดริดที่คอยบัญชาเกมจ่ายบอลได้อย่างแนบเนียน จนมาถึงตอนที่ใส่สูทผูกไท เป็นผู้จัดการทีม ก็เป็นเค้าเองนี่แหละที่กลับมากอบกู้รีล มาดริดถึงสองครั้งทีเดียว โคตรเทพบอลถ้วยเป็นฉายาที่ไม่ได้มาโชคช่วย
เข้าชิง 9 ครั้ง ชนะ 9 ครั้ง
การนำทีมฝ่าด่านฟุตบอลถ้วยเพื่อขึ้นไปเล่นรอบชิงชนะเลิศว่ายากแล้วนะ แต่การลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศ แล้วเอาชนะให้ได้เป็นสิ่งที่ยากกว่านั้นอีกหลายเท่าทีเดียว นัดชิงชนะเลิศนักเตะส่วนใหญ่จนถึงผู้จัดการทีมจะเกร็ง กดดัน จนทำให้เกิดข้อผิดพลาดทำให้ทีมแพ้ แต่ไม่ใช่กับ ผู้จัดการทีมที่ชื่อว่า ซีดาน เค้าพาทีมรีล มาดริด เข้าชิงมากถึง 9 ครั้ง เอาชนะได้ทั้งหมด 9 ครั้งเลย เรียกได้ว่าพอเข้าชิงพี่แกไม่พลาดเลย อันนี้แหละที่ใครต่อใครต้องชาบูความโคตรเทพบอลถ้วยของเฮียแก
เข้าชิง 9 ครั้งมีอะไรบ้าง
หากนับรวมถึง ถ้วยสแปนิช ซุปเปอร์คัพ ครั้งล่าสุดที่เอาชนะแอต.มาดริดคู่ปรับร่วมเมืองไปได้ด้วยจุดโทษ 4-1 ประวัติครั้งที่ผ่านมาก็จะมีการเข้าชิง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 3 ครั้ง 3 ปี ติดต่อกันเอาชนะได้หมด 2016, 2017, 2018 ต่อด้วยรายการยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์คัพ 2 ครั้ง ปี 2016, 2017 รายการฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ 2 ครั้ง ปี 2016, 2017 และ ซุปเปอร์โกปา ปี 2017 จากทั้งหมด 9 ครั้งจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเจอใครรายการไหน สนามไหนซีดาน พาลูกทีมเอาชนะได้หมด
เตรียมทำลายประวัติศาสตร์
การได้แชมป์ถ้วยใบนี้ ทำให้ตอนนี้ ซีดาน ทำสถิติเก็บถ้วยแชมป์ให้กับทีมในฐานะผู้จัดการทีมไปแล้ว 10 ถ้วย หากทำผลงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ชายคนนี้อาจจะทำลายสถิติเก็บถ้วยแชมป์ได้มากกว่า มิเกล มูนอซ อีกหนึ่งอดีตโค้ชเทพที่ทำไว้ 14 รายการอย่างแน่นอน หากดูความสม่ำเสมอ, อายุของนักเตะที่ยังน้อย, ความกระหายในความสำเร็จของซีดาน อีก 4 ถ้วยแชมป์เมเจอร์ ไม่น่าจะยาก