Skip to content

ทีมฟุตบอลหญิงสหรัฐฯ ทะลุชิงเหรียญทอง หลังชนะเยอรมนี 1-0 ในช่วงต่อเวลา

ทีมฟุตบอลหญิงสหรัฐฯ ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงเหรียญทองในโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส หลังจากชนะเยอรมนี 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยได้ประตูชัยจากโซเฟีย สมิธ (Sophia Smith) และความยอดเยี่ยมในการเซฟของอาลิสซ่า แนเฮอร์ (Alyssa Naeher) และสามารถเชค โปรแกรมฟุตบอล โอลิมปิก 2024 นัดต่อไปได้

ในการแข่งขันนี้ ทีมสหรัฐฯ ถูกฟาวล์ถึง 20 ครั้งจากเยอรมนี ซึ่งทีมเยอรมนีที่ขาดหัวหน้าทีมอเล็กซานดรา ป็อปป์ และผู้ทำประตูสูงสุดในทัวร์นาเมนต์ ลีอา ชูลเลอร์ ยังคงสามารถสร้างความลำบากให้กับสหรัฐฯ ได้โดยการตั้งรับและสวนกลับ

ช่วงครึ่งแรก ทีมสหรัฐฯ ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้มากนัก ขณะที่โซเฟีย สมิธ, มัลลอรี่ สวอนสัน และทรินิตี้ รอดแมน ไม่สามารถทำประตูได้

ช่วงครึ่งหลัง ทีมสหรัฐฯ เพิ่มความเร็วในเกมและมีโอกาสทำประตูหลายครั้ง โดยในนาทีที่ 86 สวอนสันทำประตูได้ แต่ถูกยกเลิกเนื่องจากล้ำหน้า

ในช่วงต่อเวลา โซเฟีย สมิธ ยิงประตูชัยในนาทีที่ 95 หลังจากได้รับบอลจากสวอนสันและยิงผ่านผู้รักษาประตูเยอรมนี แอน-แคทริน เบอร์เกอร์ จากในกรอบเขตโทษ

หลังจากนั้น ทีมเยอรมนีเพิ่มการโจมตี แต่แนเฮอร์เซฟลูกโหม่งระยะใกล้ของลอร่า ฟรายแกงในนาทีที่ 118 ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ทีมสหรัฐฯ รักษาคลีนชีตและผ่านเข้าสู่รอบชิงเหรียญทอง

การเก็บคลีนชีตถึง 4 ชั่วโมงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับนาโอมิ กิรมา โดยเธอกล่าวว่า "สี่ชั่วโมง? ว้าว ฉันคิดว่ามันน่าทึ่งมาก กุญแจสำคัญคือเราทุกคนทุ่มเททุกสิ่ง เราทุกคนเล่นเพื่อกันและกันและเพื่อทีมของเรา เรามุ่งมั่นเสมอ"

การไล่ล่าประวัติศาสตร์

มันเป็นการแข่งขันอีกนัดที่ทีมสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามที่ตั้งรับและสวนกลับ แต่การตัดสินใจของโค้ชเอ็มม่า เฮย์ส ที่ให้สามกองหน้าออกสตาร์ทตลอดการแข่งขันก็ให้ผลที่ดี สมิธ, สวอนสัน และรอดแมนจะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดอีกครั้ง หากทีมสหรัฐฯ ต้องการคว้าเหรียญทอง

ทีมสหรัฐฯ ที่ไม่ได้เหรียญทองมาตั้งแต่ปี 2012 จะพบกับผู้ชนะจากรอบรองชนะเลิศระหว่างสเปนและบราซิลในรอบชิงเหรียญทอง ในวันที่ 10 สิงหาคม ที่สนาม Parc des Princes ในปารีส

หากทีมสหรัฐฯ ชนะรอบชิงเหรียญทอง พวกเขาจะเป็นทีมแรกในฟุตบอลหญิงที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิกห้าเหรียญ และจะเพิ่มจำนวนเหรียญในการแข่งขันฟุตบอลหญิงโอลิมปิกเป็นเจ็ดเหรียญ

สมิธกล่าวเสริมว่า "เรามีเกมอีกหนึ่งเกม และมันเป็นเกมที่สำคัญที่สุด แต่ฉันภูมิใจในทีมของเรามากที่หาวิธีเอาชนะได้ในเกมที่ผ่านมา"

การแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2024 ยังคงดำเนินการแข่งขันต่อไป และยังมีอีกหลายชนิดกีฬา เชค โปรแกรมฟุตบอล โอลิมปิก 2024 ได้ที่นี่

 

เชลซี เสริมทัพครั้งใหญ่: เซ็นสัญญาผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น (Filip Jörgensen)

ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาดซื้อขายนักเตะ สโมสรฟุตบอล เชลซี ได้ประกาศการเซ็นสัญญากับผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น (Filip Jörgensen) จากทีม บียาร์เรอัล แห่ง ลาลีกา สเปน ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 20.7 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญาระยะยาว 7 ปี การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของทีมสิงห์บลูส์อย่างมีนัยสำคัญ

ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) วัย 22 ปี เกิดในประเทศ สวีเดน แต่มีเชื้อสาย เดนมาร์ก ทางบิดา ทำให้เขาสามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติ เดนมาร์ก ได้ ในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาได้แสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมโดยลงเฝ้าเสาให้ บียาร์เรอัล ถึง 37 นัด หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม

ในการให้สัมภาษณ์หลังการเซ็นสัญญา ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) แสดงความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด โดยกล่าวว่า "การย้ายมา เชลซี ครั้งนี้เป็นความฝันที่เป็นจริง ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เซ็นสัญญากับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้รู้จักทุกคนและเริ่มต้นฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมคนใหม่" และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด โปรแกรมแข่งขัน โอลิมปิก 2024 สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

การมาของ ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) จะเพิ่มการแข่งขันในตำแหน่งผู้รักษาประตูของ เชลซี โดยเขาจะต้องแย่งชิงตำแหน่งมือหนึ่งกับ โรเบิร์ต ซานเชซ (Robert Sanchez) ผู้รักษาประตูชาว สเปน ที่ย้ายมาจาก ไบรท์ตัน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว การแข่งขันนี้น่าจะยกระดับประสิทธิภาพของทั้งคู่และเป็นผลดีต่อทีมโดยรวม

ประวัติของ ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) นั้นน่าสนใจ เขาเริ่มต้นอาชีพฟุตบอลในระดับเยาวชนกับทีมชาติ สวีเดน ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนไปเล่นให้ทีมชาติ เดนมาร์ก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งเขามีคุณสมบัติผ่านทางเชื้อสายของบิดา การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความชัดเจนในเป้าหมายของเขา

ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) เซ็นสัญญากับ บียาร์เรอัล ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี และได้พัฒนาฝีมือผ่านระบบอคาเดมีของสโมสร ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนได้เปิดตัวในทีมชุดใหญ่เมื่อเดือนตุลาคม 2020 กับทีม B ของสโมสร ก่อนที่จะได้โอกาสลงเล่นใน ลาลีกา ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2023 แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่องและความไว้วางใจจากทีมงานผู้ฝึกสอน

การย้ายมา เชลซี ของ ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) เกิดขึ้นในช่วงที่ทีมกำลังอยู่ระหว่างทัวร์ปรีซีซั่นใน สหรัฐอเมริกา ทำให้เขาต้องบินข้ามทวีปเพื่อร่วมทีมโดยทันที ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของทั้งนักเตะและสโมสรในการเริ่มต้นการทำงานร่วมกัน

ในทัวร์ปรีซีซั่นที่เหลืออีก 3 นัด ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) อาจมีโอกาสได้ลงสนามกับทีมใหญ่อย่าง คลับ อเมริกา, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เรอัล มาดริด ซึ่งจะเป็นการทดสอบความพร้อมของเขาก่อนเริ่มฤดูกาลอย่างเป็นทางการ

เชลซี มีกำหนดเริ่มแคมเปญ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ด้วยการเปิดบ้านรับการมาเยือนของแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม เวลา 16:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นการเปิดฉากฤดูกาลที่ท้าทายสำหรับทั้งทีมและผู้รักษาประตูคนใหม่

การเซ็นสัญญากับ ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการลงทุนในอนาคตของ เชลซี โดยมุ่งเน้นการดึงดูดดาวรุ่งที่มีศักยภาพสูงเข้ามาร่วมทีม เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จในระยะยาว ด้วยสัญญา 7 ปี แสดงให้เห็นว่าสโมสรมีความเชื่อมั่นอย่างสูงในความสามารถของ ยอร์เกนเซ่น (Jörgensen) และคาดหวังว่าเขาจะเป็นเสาหลักของทีมในอนาคต

แฟนบอล เชลซี ต่างรอคอยที่จะได้เห็นฝีมือของผู้รักษาประตูคนใหม่ในสนาม และหวังว่าเขาจะสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น (Filip Jörgensen) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด โปรแกรมแข่งขัน โอลิมปิก 2024 สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

อาร์เตต้าเดินหน้าเสริมแกร่งแนวรับอย่างต่อเนื่อง

อาร์เซนอล บรรลุข้อตกลงในการเซ็นสัญญากับ ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่ (Riccardo Calafiori) กองหลังวัย 22 ปีจาก โบโลญญา ด้วยค่าตัว 42 ล้านปอนด์ โดยนักเตะทีมชาติ อิตาลีราย นี้สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งแบ็คซ้ายและเซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งจะเพิ่มมิติใหม่ให้กับแนวรับของทีมที่ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปนกำลังปรับแต่งมาตลอดระยะเวลาที่คุมทีม

แนวรับคือจุดแข็งของอาร์เซนอล

ในฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอล (Arsenal) ทำสถิติยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสโมสรด้วยจำนวน 91 ประตู แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือผลงานด้านการป้องกัน ทีมปืนใหญ่เสียประตูเพียง 29 ลูกตลอดทั้งฤดูกาล น้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) 5 ประตู และยังเก็บคลีนชีตได้มากถึง 18 นัด ซึ่งไม่มีทีมใดทำได้ใกล้เคียง
ความสำเร็จด้านการป้องกันนี้เป็นผลมาจากกลยุทธ์ที่ชัดเจนของ อาร์เตต้า ในการสร้างทีมจากแนวรับไปสู่แนวรุก การเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานของทีมเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และการเซ็นสัญญากับคาลาฟิโอรี่ก็เป็นการสานต่อแนวทางนี้

การลงทุนกับแนวรับอย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม 18 จาก 24 นักเตะที่ถูกซื้อตัวมาเป็นผู้รักษาประตู กองหลัง หรือมิดฟิลด์ตัวรับ โดยใช้เงินรวมกันถึง 488 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าสองเท่าของค่าตัวที่ใช้ซื้อนักเตะตำแหน่งกองกลางตัวรุกและกองหน้าเพียง 6 ราย
คาลาฟิโอรี่จะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงเป็นอันดับ 6 ในยุคของอาร์เตต้า โดยในบรรดา 7 อันดับแรก มีถึง 5 รายที่เป็นนักเตะในแนวรับ นำโดย เดคลาน ไรซ์ (Declan Rice) ที่มีค่าตัวสูงถึง 105 ล้านปอนด์ ในขณะที่มีเพียง 2 รายเท่านั้นที่เป็นนักเตะแนวรุก ได้แก่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ (Kai Havertz) และ กาเบรียล เชซุส (Gabriel Fernando)

ความสามารถที่หลากหลายของคาลาฟิโอรี่

แม้ว่า คาลาฟิโอรี่ จะถูกใช้งานในระบบ 3 กองหลังที่ โบโลญญา และเล่นเป็นหนึ่งในคู่เซ็นเตอร์แบ็คให้กับทีมชาติอิตาลีในศึก ยูโร แต่เขาน่าจะถูกใช้งานในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ อาร์เซนอล ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ (Oleksandr Zinchenko) กำลังสูญเสียบทบาทไปเนื่องจากการพัฒนาของทีม
คาลาฟิโอรี่ เป็นนักเตะที่มีความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งตรงกับปรัชญาของ อาร์เตต้า ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการวางแผนการเล่น เขามีความแข็งแกร่งในการเข้าปะทะและชนะการดวลตัวต่อตัว โดยมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 63% ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งสูงกว่ากองหลังคนใดของ อาร์เซนอล
นอกจากนี้ คาลาฟิโอรี่ ยังโดดเด่นในเกมทางอากาศ โดยชนะการดวลลูกกลางอากาศถึง 71% ซึ่งเป็นอันดับ 5 ของเซเรีย อา และสูงกว่ากองหลังทุกคนของ อาร์เซนอล ความสามารถนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมในจังหวะลูกตั้งเตะ ซึ่งเป็นจุดแข็งอยู่แล้วของทีมปืนใหญ่

การเพิ่มมิติการเล่นใหม่ให้กับทีม

นอกเหนือจากความสามารถในการป้องกัน คาลาฟิโอรี่ ยังมีทักษะในการครองบอลและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ดี เขาทำ 5 แอสซิสต์ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดสำหรับกองหลังใน ลีกยุโรป ชั้นนำ และยังสร้างโอกาสยิงจากการครองบอลได้มากที่สุดในบรรดากองหลังด้วยกัน
อาร์เซนอลหวังว่าความสามารถในการครองบอลของคาลาฟิโอรี่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบุกทางฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นด้านที่ทีมยังขาดความคมชัดเมื่อเทียบกับฝั่งขวา การมาของ คาลาฟิโอรี่ อาจช่วยให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (Gabriel Martinelli) กลับมาฟอร์มเก่งอีกครั้ง หลังจากที่ผลงานตกลงในฤดูกาลที่ผ่านมา
การเซ็นสัญญากับ คาลาฟิโอรี่ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อาร์เตต้า ในการสร้างทีมที่แข็งแกร่งจากแนวรับ โดยหวังว่าจะเป็นรากฐานสำคัญในการพาทีมไปสู่ความสำเร็จในฤดูกาลหน้าและอนาคต

นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเสริมแนวรับเช่นนี้จะช่วยให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นและมีโอกาสสูงขึ้นในการคว้าแชมป์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของกลยุทธ์ฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการเสี่ยงโชคและการเดิมพันในลีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจ แทงบอล sbobet การเลือกแทงทีมที่มีแนวรับแข็งแกร่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสชนะ ในส่วนของแฟนบอลที่สนใจ แทงบอล sbobet ก็อาจจะต้องจับตามองการเปลี่ยนแปลงของ อาร์เซนอล อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในด้านแนวรับที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเดิมพันในอนาคต

หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกกำลังตามหากองหน้าคนใหม่ในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ใครจะเป็นนักเตะที่มีโอกาสย้ายทีมมากที่สุด? รวบรวมข้อมูลโดย ทีเด็ด บอล sbobet

เชลซี, อาร์เซนอล, ท็อตแนม และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ถูกเชื่อมโยงกับการเสริมทัพกองหน้า มาดูกันว่านักเตะคนไหนที่อาจได้ย้ายไปเล่นที่อื่นในฤดูกาลนี้

โจนาธาน เดวิด (Jonathan David)

  • สโมสรปัจจุบัน: ลีลล์ (Lille)
  • อายุ: 24
  • สนใจ: แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล, ท็อตแนม

โจนาธาน เดวิด มีค่าตัวประมาณ 25 ล้านปอนด์เนื่องจากเขาเหลือสัญญาเพียงหนึ่งปี เป็นการซื้อตัวที่น่าสนใจสำหรับสโมสรในพรีเมียร์ลีก เขาได้รับความชื่นชมจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล และท็อตแนม และอาจเป็นทางเลือกให้เชลซีหากดีลอื่นๆ ไม่สำเร็จ

วิคเตอร์ โอซิมเฮน (Victor Osimhen)

  • สโมสรปัจจุบัน: นาโปลี (Napoli)
  • อายุ: 25
  • สนใจ: ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (Paris Saint-Germain)

วิคเตอร์ โอซิมเฮน ไม่ได้รับความสนใจมากนักเนื่องจากมีค่าฉีกสัญญา 113 ล้านปอนด์ในสัญญาของเขา ถ้าราคาลดลง เขาอาจมีโอกาสย้ายมาเล่นในอังกฤษ ปารีส แซงต์-แชร์กแมงและสโมสรในซาอุดีอาระเบียก็แสดงความสนใจเช่นกัน

โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน (Dominic Calvert-Lewin)

  • สโมสรปัจจุบัน: เอฟเวอร์ตัน (Everton)
  • อายุ: 27
  • สนใจ: นิวคาสเซิล (Newcastle)

โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน อาจออกจากเอฟเวอร์ตันหากเขาไม่เซ็นสัญญาใหม่ โดยมีนิวคาสเซิลให้ความสนใจมากที่สุด แต่ยกเลิกการเจรจาเนื่องจากราคาขอใกล้ 40 ล้านปอนด์ เอฟเวอร์ตันไม่กดดันที่จะขายนักเตะสำคัญของพวกเขา

ซามู โอโมโรดิโอน

  • สโมสรปัจจุบัน: แอตเลติโก มาดริด (Atletico Madrid)
  • อายุ: 20
  • สนใจ: เชลซี (Chelsea)

เชลซีต้องการกองหน้าและซามู โอโมโรดิโอนเป็นเป้าหมายหลัก พวกเขายื่นข้อเสนอ 34 ล้านปอนด์แต่ถูกปฏิเสธ แอตเลติโก มาดริดต้องการเก็บนักเตะคนนี้ไว้

อาร์มันโด โบรยา (Armando Broja)

  • สโมสรปัจจุบัน: เชลซี (Chelsea)
  • อายุ: 22
  • สนใจ: เอฟเวอร์ตัน (Everton)

หากโดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวินออกจากเอฟเวอร์ตัน เอฟเวอร์ตันอาจกลับมาสนใจอาร์มันโด โบรยา แม้ว่าพวกเขาจะกล่าวว่าไม่มีความสนใจในนักเตะชาวแอลเบเนียเนื่องจากไม่สามารถจ่ายเงิน 30 ล้านปอนด์ได้ แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงซัมเมอร์หากการเข้าซื้อกิจการจาก Friedkin Group สำเร็จ

นักเตะคนอื่นที่อาจย้ายทีม

อีวาน โทนี่ (Ivan Toney)

กองหน้าของเบรนท์ฟอร์ดและทีมชาติอังกฤษ อีวาน โทนี่ มีข่าวลือว่าอยากย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

อเล็กซานเดอร์ อิซาค (Alexander Isak)

เชลซี และ อาร์เซนอล มีความสนใจในอเล็กซานเดอร์ อิซาค ที่ทำประตูได้ 31 ประตูใน 52 เกมลีกให้กับนิวคาสเซิลตั้งแต่เข้าร่วมจากเรอัล โซเซียดัดในปี 2022 ด้วยค่าตัวประมาณ 60 ล้านปอนด์

เอเบเรชิ เอเซ (Eberechi Eze)

กองหน้าของคริสตัล พาเลซและทีมชาติอังกฤษ เอเบเรชิ เอเซ ถูกเชื่อมโยงกับท็อตแนม, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ซิตี้, อาร์เซนอล, เชลซี และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเดือนเมษายน พาเลซกล่าวว่าจะไม่รับข้อเสนอที่ต่ำกว่า 60 ล้านปอนด์สำหรับเอเซและไมเคิล โอลิเซ ที่เข้าร่วมบาเยิร์น มิวนิคในเดือนนี้ด้วยค่าตัวประมาณ 50 ล้านปอนด์

มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford)

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาร์เซโลนา อาจกำลังพิจารณาย้ายตัวมาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ทำประตูได้ 131 ประตูใน 402 การลงเล่นให้กับยูไนเต็ดตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016

ดานี่ โอลโม่ (Danl Olmo)

แมนเชสเตอร์ซิตี้ มีข่าวลือว่าสนใจในดานี่ โอลโม่ กองหน้าชาวสเปนของอาร์บี ไลป์ซิก ที่มีค่าฉีกสัญญา 50 ล้านปอนด์

แอนโธนี่ กอร์ดอน (Anthony Gordon)

ลิเวอร์พูลต้องการตัวแอนโธนี่ กอร์ดอน กองหน้านิวคาสเซิล เนื่องจากอนาคตของหลุยส์ ดิอาซที่แอนฟิลด์ไม่แน่นอน ในขณะที่ท็อตแนมกำลังมองที่เปโดร เนโต้ ของวูล์ฟส์

รวบรวมข่าวสารโดยเว็ปไซต์ ทีเด็ด บอล sbobet เว็ปข่าวกีฬาชื่อดัง

 

1. ยามาลกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในรอบสุดท้ายของการแข่งขันยูโร เมื่อเขาลงสนามในนัดที่สเปนเอาชนะโครเอเชีย 3-0 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2024 ด้วยวัยเพียง 16 ปี 338 วัน
สถิตินี้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของยามาล รวมถึงความกล้าของทีมชาติสเปนในการส่งนักเตะอายุน้อยลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับนานาชาติ นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการฟุตบอลยุโรป

2. ลามีน ยามาล ดาวรุ่งทีมชาติสเปน ได้จารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร 2024 ด้วยการทำลายสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน
ยามาลสร้างผลงานอันน่าทึ่งนี้ในวัยเพียง 16 ปี 362 วัน ระหว่างเกมที่สเปนเอาชนะฝรั่งเศส 2-1 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2024 ประตูของเขาไม่เพียงช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะ แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของนักเตะรายนี้
สถิตินี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของวงการฟุตบอลยุโรปที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นอายุน้อยได้แสดงศักยภาพในเวทีระดับนานาชาติ และยังเป็นการตอกย้ำถึงนโยบายการสร้างนักเตะเยาวชนของสเปนที่ประสบความสำเร็จ


3. ลามีน ยามาล ดาวรุ่งทีมชาติสเปน ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในรอบรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ
ยามาลสร้างสถิตินี้เมื่อเขาลงเล่นในเกมที่สเปนเอาชนะฝรั่งเศส 2-1 ในรอบรองชนะเลิศยูโร 2024 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2024 ด้วยวัยเพียง 16 ปี 362 วัน นับเป็นสถิติใหม่สำหรับทั้งการแข่งขันยูโรและฟุตบอลโลก
ผลงานอันยอดเยี่ยมนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของทีมชาติสเปนที่มีต่อนักเตะดาวรุ่งรายนี้ และสะท้อนถึงพัฒนาการของวงการฟุตบอลที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นอายุน้อยได้แสดงศักยภาพในเวทีระดับสูงสุด ทั้งนี้ หากท่านใดที่อยากแทงบอล แต่ไม่รู้เรื่องราคาบอล ทางเรามี วิธีดูราคาบอล sbobet ได้ตลอด 24 ชม.


4. ลามีน ยามาล ดาวรุ่งทีมชาติสเปน ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการฟุตบอลระดับนานาชาติ ด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงแข่งในรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอลยูโรและฟุตบอลโลก
ยามาลทำลายสถิตินี้ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2024 ในเกมที่สเปนเอาชนะอังกฤษ 2-1 โดยขณะนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปี 1 วัน
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของยามาล แต่ยังสะท้อนถึงความกล้าและความเชื่อมั่นของทีมชาติสเปนที่ให้โอกาสนักเตะอายุน้อยในเกมสำคัญระดับโลก นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการฟุตบอลยุโรปและระดับโลก

5. ลามีน ยามาล ดาวรุ่งทีมชาติสเปน ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือก ด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในรอบนี้
เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 กันยายน 2023 ระหว่างเกมที่สเปนเอาชนะจอร์เจียอย่างถล่มทลาย 7-1 โดยขณะนั้นยามาลมีอายุเพียง 16 ปี 57 วัน
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของยามาล แต่ยังสะท้อนถึงนโยบายการพัฒนาเยาวชนที่มีประสิทธิภาพของทีมชาติสเปน ที่กล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งในเกมระดับนานาชาติ
สถิตินี้ยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการฟุตบอลยุโรป โดยแสดงให้เห็นว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคสำหรับนักเตะที่มีความสามารถ หากได้รับโอกาสที่เหมาะสม หากท่านสนใจแทงบอล ทางเรามี วิธีดูราคาบอล sbobet ก่อนแทงบอล เพื่อที่จะได้ไม่ผิดพลาด

โรนัลด์ คูมัน (Ronald Koeman) แสดงความมั่นใจในการนำทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ สู่รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024

โรนัลด์ คูมัน (Ronald Koeman) กุนซือทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในการนำทัพ "อัศวินสีส้ม" เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 โดยต้องเอาชนะทีมชาติ อังกฤษ ในรอบรองชนะเลิศให้ได้

ทั้งสองทีมต่างถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผลงานที่ไม่น่าประทับใจตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมชาติ อังกฤษ ที่ถูกคาดหวังสูงในฐานะหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ แต่กลับทำได้เพียงเอาชนะคู่แข่งแบบหวุดหวิดในหลายนัด ทำให้แฟนบอลและสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

คูมัน (Ronald Koeman) กล่าวว่า "ผมมีความมั่นใจอย่างสูงสำหรับเกมที่จะเจอกับ อังกฤษ จากที่ผ่านมา พวกเขาเอาชนะคู่แข่งมาได้อย่างยากลำบาก ผมคิดว่าพวกเขาถูกวิจารณ์หนักกว่าเราเสียอีก อังกฤษ เป็นชาติใหญ่ในวงการฟุตบอลโลก ผมรู้จัก แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) เป็นอย่างดี เราเคยเจอกับพวกเขาใน เนชั่นส์ ลีก มาแล้ว และเราก็ทำผลงานได้ดีในการเจอกับพวกเขา" และแฟนบอลท่านใดที่ไม่อยากพลาดการเดิมพันฟุตบอลทางเว็บไซต์มี แทงบอลยูโรสเต็ป ให้ทุกท่านครับ

นอกจากนี้ คูมัน (Ronald Koeman) ยังแสดงความยินดีกับผลโพลล่าสุดจากสื่อ เยอรมัน บิลด์ ที่สำรวจความคิดเห็นของแฟนบอลชาว เยอรมัน ว่าต้องการให้ทีมใดคว้าแชมป์ ยูโร 2024 มากที่สุด ซึ่งผลปรากฏว่าทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด

"มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ได้ยินว่าแฟนบอลชาว เยอรมัน คิดเช่นนั้น" คูมัน (Ronald Koeman) กล่าว "มันแสดงให้เห็นว่าในมุมมองของพวกเขา ความเป็นคู่อริระหว่างเราได้จางหายไปแล้ว ซึ่งจากมุมมองของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ความเป็นศัตรูแบบนั้นได้หายไปนานแล้ว"

ความสัมพันธ์ระหว่าง เนเธอร์แลนด์ และ เยอรมนี ในวงการฟุตบอลนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยทั้งสองทีมเคยมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในอดีต แต่ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การที่แฟนบอลชาว เยอรมัน ส่วนใหญ่เชียร์ให้ เนเธอร์แลนด์ คว้าแชมป์ ยูโร 2024 นั้น อาจเป็นเพราะความชื่นชอบในสไตล์การเล่นที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของทีม "อัศวินสีส้ม" รวมถึงนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่ที่น่าจับตามองหลายคนในทีม

อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของทั้ง เนเธอร์แลนด์ และ อังกฤษ นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งสองทีมต่างเจอกับอุปสรรคและแรงกดดันมหาศาลตลอดทัวร์นาเมนต์

เนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยฟอร์มที่ไม่สู้ดีนัก แต่สามารถปรับปรุงผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในรอบน็อคเอาท์ โดยเฉพาะในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พวกเขาสามารถเอาชนะทีมแกร่งอย่าง โปรตุเกส ได้อย่างน่าประทับใจ

ส่วนทีมชาติ อังกฤษ แม้จะถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ แต่กลับทำได้เพียงเอาชนะคู่แข่งแบบหวุดหวิดในหลายนัด ทำให้ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อและแฟนบอลในประเทศ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

การเผชิญหน้ากันระหว่าง เนเธอร์แลนด์ และ อังกฤษ ในรอบรองชนะเลิศนี้ จึงถือเป็นเกมที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยทั้งสองทีมต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง

เนเธอร์แลนด์ มีจุดเด่นในเรื่องของเกมรุกที่หลากหลายและความแข็งแกร่งในแดนกลาง ในขณะที่ อังกฤษ มีความได้เปรียบในเรื่องของประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่และความลึกของขุมกำลัง

ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเช่นไร เชื่อว่าแฟนบอลทั่วยุโรปและทั่วโลกต่างรอคอยที่จะได้ชมเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อดูว่าทีมไหนจะเป็นฝ่ายผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และมีโอกาสคว้าแชมป์ ยูโร 2024 ในที่สุด

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ โรนัลด์ คูมัน (Ronald Koeman) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากแฟนบอลท่านใดอยากเดิมพันทางเว็บไซต์มี แทงบอลยูโรสเต็ป ให้แฟนบอลทุกท่านครับ

 

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เผยใจ: ขาด ปอล ป็อกบา (Paul Pogba) ทำให้ต้องปรับสไตล์การเล่น

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ดาวยิงทีมชาติ ฝรั่งเศส เปิดเผยในการแถลงข่าวล่าสุดว่า การที่ ปอล ป็อกบา (Paul Pogba) มิดฟิลด์คนสำคัญไม่ได้ร่วมทีมในขณะนี้ ส่งผลให้เขาต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ

เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) วัย 25 ปี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกัปตันทีมชาติ ฝรั่งเศส ได้สร้างชื่อเสียงจากความเร็วและความสามารถในการทะลวงแนวรับของคู่แข่ง แต่ในช่วงหลังมานี้ แฟนบอลและนักวิจารณ์สังเกตเห็นว่าเขาเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปอย่างเห็นได้ชัด

ในงานแถลงข่าว เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่เขาไม่ค่อยวิ่งทะลวงแนวรับคู่แข่งเหมือนในอดีต เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "การเลือกรูปแบบการเล่นนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของทีมในแต่ละช่วงเวลา ตอนที่เรามี ป็อกบา (Paul Pogba) อยู่ในทีม ผมสามารถวิ่งไปไหนก็ได้ เพราะรู้ว่าเขาจะส่งบอลมาถึงผมได้เสมอ แต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป"

ป็อกบา (Paul Pogba) และ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เคยร่วมกันพาทีมชาติ ฝรั่งเศส คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 มาครองได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจกันเป็นอย่างดีในสนาม อย่างไรก็ตาม ป็อกบา (Paul Pogba) กำลังเผชิญกับปัญหานอกสนาม โดยถูกกล่าวหาว่าใช้สารต้องห้าม ส่งผลให้เขาถูกพักการแข่งขันชั่วคราวและไม่สามารถร่วมทีมชาติได้ในขณะนี้

การขาดหายไปของ ป็อกบา (Paul Pogba) ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทีมชาติ ฝรั่งเศส โดยรวมอีกด้วย ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ (Didier Deschamps) กุนซือทีมชาติ ฝรั่งเศส จำเป็นต้องปรับแผนการเล่นใหม่เพื่อทดแทนการขาดหายไปของมิดฟิลด์ตัวเก่งรายนี้

เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) กล่าวเพิ่มเติมว่า "การปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญในฟุตบอล เราไม่สามารถยึดติดกับรูปแบบการเล่นเดิมๆ ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อองค์ประกอบของทีมเปลี่ยนไป ผมต้องคิดมากขึ้นเกี่ยวกับจังหวะการวิ่ง และต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมให้มากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู"

นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีม "แม้ว่าผมจะเป็นกองหน้า แต่ผมก็ต้องช่วยทีมในด้านอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกดดันคู่แข่งหรือการช่วยเพื่อนร่วมทีมสร้างพื้นที่ว่าง การปรับบทบาทของผมไม่ได้หมายความว่าผมจะทำประตูได้น้อยลง แต่เป็นการพัฒนาเกมการเล่นของผมให้รอบด้านมากขึ้น"

อย่างไรก็ตาม เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะในช่วงที่ทีมกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2024 ที่จะมีขึ้นในประเทศ เยอรมนี ความสามารถในการปรับตัวของเขาจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จและหากแฟนบอลอยากจะเลือกเดิมพันสามารถ สมัคร sbobet กับทางเราได้เลย

แม้ว่าการขาดหายไปของ ป็อกบา (Paul Pogba) จะส่งผลกระทบต่อทีม แต่มันก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ได้แสดงศักยภาพ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) กล่าวทิ้งท้ายว่า "เรามีผู้เล่นที่มีคุณภาพมากมายในทีม ทุกคนพร้อมที่จะก้าวขึ้นมารับบทบาทสำคัญ ผมเชื่อว่าเราจะสามารถปรับตัวและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะไม่มี ป็อกบา (Paul Pogba) ร่วมทีม"

การเปิดเผยของ เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความสามารถในการปรับตัวของเขา ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของนักฟุตบอลระดับโลก การพัฒนาและปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของเขาจะเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดในการแข่งขันที่จะมาถึง และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครอยากเดิมพันเลือก สมัคร sbobet กับทางเราได้เลย

ทีมชาติอังกฤษเตรียมพบกับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูโร 2024 หลังจากเอาชนะสโลวาเกียในช่วงต่อเวลาพิเศษในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะลงสนามที่เมืองดุสเซลดอร์ฟในวันเสาร์ เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หากผ่านเข้ารอบต่อไปได้ "สิงโตคำราม" จะเจอกับหนึ่งในทีมระหว่างโรมาเนีย เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย หรือตุรกีในรอบรองชนะเลิศ

โปรแกรมการแข่งขันของอังกฤษในยูโร 2024

คู่แข่งต่อไปของอังกฤษ
ทีมชาติอังกฤษมีคิวพบกับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ในวันเสาร์ที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ เริ่มแข่งเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทีมของกาเร็ธ เซาธ์เกตเอาชนะสโลวาเกียในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างระทึกใจด้วยสกอร์ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดย จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ทำประตูตีเสมอด้วยลูกจักรยานอากาศในนาทีที่ 95 ก่อนที่ แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) จะโหม่งประตูชัยเพียง 50 วินาทีหลังเริ่มต้นช่วงต่อเวลาพิเศษ "สิงโตคำราม" จะเจอกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะอิตาลี แชมป์เก่า ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 2-0 ที่กรุงเบอร์ลิน อังกฤษซึ่งคว้าแชมป์กลุ่ม C ถูกมองว่าอยู่ในสายที่ได้เปรียบกว่า เมื่อเทียบกับอีกสายหนึ่งที่มีทีมยักษ์ใหญ่อย่างสเปน เยอรมนี โปรตุเกส ฝรั่งเศส และเบลเยียม

โอกาสในรอบรองชนะเลิศ

หากอังกฤษสามารถเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ พวกเขาจะได้ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศที่เมืองดอร์ทมุนด์ ในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม เริ่มแข่งเวลา 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย คู่แข่งที่เป็นไปได้ในรอบรองชนะเลิศของ "สิงโตคำราม" ได้แก่ โรมาเนีย เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และตุรกี

การเดินทางสู่แชมป์ ยูโร 2024

ทีมชาติอังกฤษเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์อย่างแข็งแกร่งด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม C ก่อนจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายและเอาชนะสโลวาเกียได้อย่างหวุดหวิด การเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของทีมภายใต้การคุมทีมของกาเร็ธ เซาธ์เกต อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะเป็นบททดสอบที่สำคัญ เนื่องจากทีม "นาฬิกาข้อมือ" เพิ่งสร้างผลงานน่าประทับใจด้วยการเอาชนะแชมป์เก่าอย่างอิตาลีมาได้ หากอังกฤษสามารถผ่านด่านสวิตเซอร์แลนด์ไปได้ พวกเขาจะต้องเจอกับหนึ่งในสี่ทีมที่แข็งแกร่งในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นทีมที่มีศักยภาพในการสร้างปัญหาให้กับ "สิงโตคำราม" ได้ทั้งสิ้น แฟนบอลชาวอังกฤษต่างหวังว่าทีมของพวกเขาจะสามารถเดินหน้าคว้าแชมป์ยูโรได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากที่พลาดท่าในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา การเข้าถึงรอบลึกๆ ของทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมชาติอังกฤษ ด้วยผู้เล่นระดับแนวหน้าอย่าง แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) จู๊ด เบลลิงแฮม ((Jude Bellingham)) และดาวรุ่งอีกมากมาย อังกฤษถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ ยูโร 2024 อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องแสดงฟอร์มที่ดีที่สุดในทุกนัดที่เหลือ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการคว้าถ้วยรางวัลกลับบ้าน

แฟนบอลทั่วประเทศอังกฤษต่างรอคอยที่จะเห็นทีมของพวกเขาลงสนามในวันเสาร์นี้ ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะและก้าวเข้าใกล้ความฝันในการคว้าแชมป์ยุโรปมากยิ่งขึ้น การแข่งขันนี้จะเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ สมัคร sbobet โดยตรง เพื่อร่วมสนุกและติดตามการแข่งขันอย่างใกล้ชิด สมัคร sbobet โดยตรง สามารถทำให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวและข่าวสารจากสนามแข่ง อย่าลืม สมัคร sbobet โดยตรง เพื่อเพิ่มประสบการณ์การเชียร์ทีมชาติอังกฤษของคุณให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

ข่าวด่วน! อันเดรีย เบล็อตติ (Andrea Belotti) ตัดสินใจอำลา โรม่า เพื่อเริ่มต้นบทใหม่กับ โคโม่ (Como) ทีมน้องใหม่แห่งศึก เซเรียอา ในฤดูกาลหน้า การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเส้นทางอาชีพของกองหน้าทีมชาติอิตาลีวัย 30 ปีรายนี้

เบล็อตติ (Andrea Belotti) ซึ่งเพิ่งถูก โรม่า (AS Roma) ปล่อยให้ ฟิออเรนติน่า (ACF Fiorentina) ยืมตัวไปใช้งานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม โคโม่ (Como) อย่างถาวรด้วยค่าตัว 4.5 ล้านยูโร หรือประมาณ 180 ล้านบาท ตามรายงานจากสื่อในประเทศอิตาลี การย้ายทีมครั้งนี้จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเปิดตลาดซื้อขายนักเตะภาคฤดูร้อน

ตามรายงานเพิ่มเติม เบล็อตติ (Andrea Belotti) ได้ตกลงเซ็นสัญญากับ โคโม่ (Como) เป็นระยะเวลา 2 ปี นับเป็นก้าวสำคัญของทั้งตัวนักเตะและสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ โคโม่ (Como) ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน เซเรียอา และต้องการประสบการณ์จากนักเตะระดับสูงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม

เบล็อตติ (Andrea Belotti) ซึ่งมีประสบการณ์ติดทีมชาติอิตาลีมาแล้ว 44 นัด และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์ยูโร 2020 ได้แสดงความเห็นถึงการย้ายทีมครั้งนี้ว่า "ผมเลือก โคโม่ (Como) เพราะผมประทับใจโปรเจกต์ที่ทะเยอทะยานของโค้ช และเจ้าของที่นำเสนอกับผม" คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของ โคโม่ (Como)ที่ต้องการสร้างทีมให้แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จใน เซเรียอา

เชส ฟราเบกาส อดีตกองกลางทีมชาติสเปนที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าโค้ชของ โคโม่ (Como) ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับ เบล็อตติ (Andrea Belotti) ว่า "ประสบการณ์ของเขาใน เซเรียอา เป็นสิ่งที่สำคัญ และเรารู้ว่าเขามีความสามารถที่จะยิงประตูได้" คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังที่ โคโม่ มีต่อ เบล็อตติ (Andrea Belotti) ในการช่วยยกระดับทีมด้วยประสบการณ์และความสามารถในการทำประตู

การย้ายทีมของ เบล็อตติ (Andrea Belotti) ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับตัวนักเตะเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ โคโม่ (Como) ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในลีกสูงสุดของอิตาลี การเซ็นสัญญากับนักเตะที่มีประสบการณ์สูงอย่าง เบล็อตติ (Andrea Belotti) แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของสโมสรในการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการแข่งขันกับทีมชั้นนำของลีก

สำหรับ โรม่า (AS Roma) การปล่อยตัว เบล็อตติ (Andrea Belotti) อาจเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนทีมและเปิดโอกาสให้กับนักเตะรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิออเรนติน่า (ACF Fiorentina) ที่เพิ่งยืมตัว เบล็อตติ (Andrea Belotti) มาใช้งาน อาจต้องมองหาตัวเลือกใหม่ในตำแหน่งกองหน้าสำหรับฤดูกาลหน้า

การย้ายทีมครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอลอิตาลี ที่ทีมน้องใหม่อย่าง โคโม่ (Como) สามารถดึงดูดนักเตะระดับทีมชาติได้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและการลงทุนในทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้น ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันที่น่าสนใจมากขึ้นใน เซเรียอา ฤดูกาลหน้า

แฟนบอลทั่วอิตาลีและทั่วโลกเลือกที่จะ แทง บอล ออนไลน์ และต่างจับตามองการย้ายทีมครั้งนี้ด้วยความสนใจ โดยหวังว่าจะได้เห็น เบล็อตติ (Andrea Belotti) กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้งในสีเสื้อของ โคโม่ (Como) และช่วยให้ทีมน้องใหม่สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจใน เซเรียอา ได้ ในขณะเดียวกัน การแข่งขันในลีกอิตาลีฤดูกาลหน้าก็น่าจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น เมื่อทีมต่างๆ ต่างเสริมทัพเพื่อชิงชัยในลีกที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของอันเดรีย เบล็อตติ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครอยากเดิมพันเลือก แทง บอล ออนไลน์ กับเราได้เลยครับ

ก่อนจะโบกมือลาศึกยูโรป้า ลีค แล้วไปลุยกันต่อในพรีเมียร์ลีคสุดสัปดาห์นี้ เราขอย้อนผลงานทีมจากพรีเมียร์ลีคก่อนว่า มีทีมไหนทำผลงานได้อย่างไรในเกมยูโรป้าลีคบ้าง ต้องบอกว่า ผลการแข่งขันอันน่าเหลือเชื่อของหลายทีมได้ส่งให้พวกเค้าเข้ารอบน็อคเอาท์ไปรอได้เลย

บราก้า กับ เลสเตอร์ ซิตี้

จิ้งจอกสยาม ลงสนามในเกมนี้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างมาก หากพวกเค้าเอาชนะ หรือเก็บแต้มได้ เท่ากับว่าพวกเค้าจะเข้ารอบต่อไปได้เลย นั่นทำให้เกมนี้ต้องเน้นหน่อย แต่ทางบราก้า ก็ไม่ได้ทำให้เกมนี้มันง่ายแบบนั้นพวกเค้าออกนำเลสเตอร์ ถึง 3 ครั้งด้วยทั้ง เลสเตอร์ ก็สวมวิญญาณตายยาก ด้วยการไล่ตามตีเสมอถึง 3 ครั้งโดยเฉพาะ ช่วงสุดท้ายที่ บราก้ามานำตอนนาทีที่ 90 แล้ว เลสเตอร์ โดย วาร์ดี้ มาตีเสมอในนาทีที่ 90+5 จากจังหวะโต้กลับ พาทีมเก็บ 1 แต้มทองพาทีมเข้ารอบไป

โมลด์ กับ อาร์เซนอล

ปืนใหญ่อาร์เซนอล อาจจะฟอร์มไม่ดีในลีค แต่ว่าเกมยูโรป้าลีค บอกเลยว่า ไว้ใจได้เสมอ เกมนี้เจอกับ โมลด์ คู่แข่งที่น่าจะสูสีมากที่สุดแล้วในกลุ่มนี้ แต่ว่าพอลงสนามจริง คุณภาพ แตกต่างกันมากไม่ได้ใกล้เคียงเลย นักเตะอาร์เซนอล เล่นกันแบบไม่ประมาท ชนะไปแบบไม่ยากอะไร 3-0 เกมนี้ นิโคลัส เปเป้ กลับมาคืนฟอร์มเล่นได้ดีมากบวกกับทำได้ 1 ประตู น่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากเพื่อนได้พอสมควร

สเปอร์ส กับ ลูโดโกเรตส์

อีกเกมที่บอกเลยว่า ห่างชั้นกันเกินไปหน่อย สเปอร์ส ที่เปิดบ้านรับ ลูโดโกเรตส์ เกมนี้ สเปอร์ส โรเตชั่นนักเตะสำรองลงมาผสมเยอะ ทำให้แฟนบอลอาจจะคิดว่างานนี้อาจโดนเหมือนเกม อันทเวิร์ป แต่ไม่เลย ทีมสำรองชุดนี้มีคุณภาพและการปิดเกมได้ตามแท็คติคมูรินโญ่เลย คาร์ลอส วินิซิอุส เด่นมากกับ ยิง 2 จ่าย 1 เดเล่ อัลลี ก็ได้ลงด้วยทำ 1 แอสซิสต์ ฟอร์มกำลังมาเลยทีเดียว อีกอย่างลูกยิงของ แฮร์รี่ วิงส์ ยิงไก่ 65 หลา อย่างสวยติดทำเนียบประตูสวยประจำซีซั่นนี้ได้เลย